Backlink – SEO Master บริษัทรับทำ SEO รับดูแลเว็บไซต์ ราคาถูก ครบวงจร https://seomasterth.com SEO MASTER Mon, 15 Jan 2024 10:11:14 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.5 https://seomasterth.com/wp-content/uploads/2023/11/cropped-seomaster-icon-32x32.jpg Backlink – SEO Master บริษัทรับทำ SEO รับดูแลเว็บไซต์ ราคาถูก ครบวงจร https://seomasterth.com 32 32 Link Juice คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับ SEO https://seomasterth.com/link-juice/ Sun, 24 Dec 2023 13:05:18 +0000 https://seomasterth.com/?p=26865 ในบทความนี้จะอธิบาย ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Link Juice ทุกคำถาม ข้อสงสัย มีคำตอบครับ

Link Juice คือ คำที่ใช้ในวงการ SEO หมายถึงค่าพลังของลิงก์ที่ส่งผ่านไปยังหน้าเว็บอื่นๆ ทั้งไม่ว่าจะเป็นลิงก์ภายใน ลิงก์ภายนอก หรือ Backlink ค่าพลังของลิงก์ที่ส่งต่อกันไปมาเราจะเรียกว่า Link Juice (ลิงค์น้ำผลไม้) หรือ Link Equity

[อัพเดท 2024] PageRank (PR) คือ Aigorithm ที่ Google ใช้สำหรับประเมินและตัดสินคุณภาพของแต่ละหน้าเพจ โดยมีตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 10 หากเว็บไซต์ไหนมีตัวเลขที่สูง ปัจจุบัน Google ยกเลิกเครื่องมือที่ใช้ดูค่า PageRank ไปแล้ว นักทำ SEO จึงใช้ค่า URL Rating (UR) แทน

Link Juice จะเป็นค่าพลังของลิงก์ที่เว็บไซต์ได้รับจากการทำ Backlink รวมถึงได้จาก External Link หรือ Internal Link ซึ่งไม่ได้มีการวัดผลเป็นตัวเลข

Domain Rating (DR) คือค่าคะแนนคุณภาพของทั้งโดเมน

Links Juice ช่วยในการทำ SEO ในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็น…

  • ช่วยให้ Search Engines อย่าง Google หาหน้าเว็บไซต์ของคุณเจอได้ง่ายมากขึ้น

Links Juice เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้ Googlebot มองเห็นหน้าเว็บไซต์ของคุณ เพราะหน้าที่ของ Google Bot จะต้องทำการรวบรวมลิงก์ต่างๆ แล้วทำการเก็บข้อมูล เพื่อนำสิ่งที่รวบรวมเหล่านั้นมาจัดอันดับการแสดงผล การทำ Links Juice ที่เป็นการส่งพลังจากลิงก์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงไปยังหน้าเพจอื่นๆ ที่ต้องการทำอันดับทั้งจากการทำ Internal link หรือการทำ Backlink ก็จะช่วยทำให้ Googlebot สามารถเจอหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายจากการตามเก็บข้อมูลจากหน้าต่างๆ ที่เชื่อมถึงกันนั่นเอง

  • ช่วยทำให้ Search Engines อย่าง Google เข้าใจเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น

Google ใช้ Internal Link และ External Link เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ดียิ่งขึ้น โดยจะดูที่ Anchor Text ที่จะช่วยระบุเพิ่มเติมว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร และปรับปรุงการจัดอันดับสำหรับ Keyword ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น หากทำ Link Juice อย่างมีคุณภาพก็จะช่วยทำให้ Google มองเห็นถึงความสัมพันธ์ของหน้าเว็บไซต์ต่างๆ รู้ว่าแต่ละหน้าเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งส่งผลให้จัดอันดับได้ดีขึ้นด้วย

  • ช่วยปรับปรุงอันดับและผลลัพธ์ของการค้นหา

ผลของการทำ Link Juice ที่มีประสิทธิภาพจะนำไปสู่การปรับปรุงอันดับสำหรับ Focus Keyword, Long-Tail Keyword ตลอดจนคำ LSI ใดๆ ที่คุณกำหนดเป้าหมาย นอกจากนี้ยังจะปรับปรุงเพื่อจัดอันดับคำ SEO Keyword มากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การจัดอันดับที่ดี และช่วยเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

การทำงานของ Link Juice คือ การส่งต่อค่าพลัง Backlink จากหน้าเว็บหนึ่ง ส่งต่อไปยังอีกเว็บหนึ่ง เหมือนเอาพลังจากเว็บที่พลังเยอะ ส่งไปให้เว็บที่พลังน้อย Google จะนำมาเป็นปัจจัยในการจัดอันดับเว็บไซต์ (seo factor) นี่คือคะแนนในส่วนของ Off Page SEO เว็บไซต์ใดมีค่าพลังของ Link Juice มากกว่า จะมีอันดับที่ดีกว่า ทั้งนี้ขึ้นกับเงื่อนไข SEO ในเรื่องอื่นๆด้วย

Link Juice ที่คุณสามารถทำได้ คือ Link Juice ในฝั่งของ Internal Link ภายในเว็บไซต์ของคุณ โดยทำการค้นหาหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกัน โดยมีเว็บเพจหน้าหนึ่งที่ทรงพลังมากพอที่จะส่งคุณค่าให้กับหน้าเว็บไซต์อื่นๆ ได้

คำตอบสำหรับคำถามนี้ คือ “ไม่จำเป็น” ครับ เพราะตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 Google Crawl and Indexing Update ได้ทำการอัปเดตมาแล้วว่า Nofollow Link จะกลายเป็นคำแนะนำในการรวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีด้วย ดังนั้น การทำ Link Juice แบบ Nofollow link ก็ยังส่งสัญญาณให้ Google เห็นได้อยู่ดี

  • เป็นลิงก์ที่ทำได้ทั้งจาก Internal Link , External Link หรือ Backlink ก็ได้
  • เป็นลิงก์ที่ถูกส่งมาจากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องในด้านเนื้อหา หรืออุตสาหกรรมที่ทำอยู่ และหน้าเว็บไซต์เหล่านั้นจะต้องมีความน่าเชื่อถือสูงทั้งในด้าน Domain Authority (DA), Referring Domains และ Domain Age อายุโดเมน ด้วยจึงจะส่งคุณค่าให้กับเว็บไซต์ปลายทางในการจัดอันดับ SEO ที่มีคุณภาพ

สิ่งที่ช่วยกำหนดคุณภาพของ Link Juice จะมีอยู่ด้วยกันประมาณ 6 ปัจจัย ดังนี้

  • Link Relevance: การเชื่อมโยงลิงก์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน หรืออยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • Link Crawlability: โครงสร้างของเว็บไซต์ที่เอื้อต่อการเก็บข้อมูลของ Search Engine
  • Link Location: ตำแหน่งของ Internal Link และ External Link บนหน้าเว็บไซต์ จะให้ค่าพลังที่แตกต่างกัน เช่น Link ที่อยู่ตำแหน่ง Footer จะมีน้ำหนักน้อยกว่า Link ที่อยู่ใน Content
  • Number of Links: จำนวนของลิงก์ที่ใส่เข้าไปในหน้าเว็บเพจนั้นๆ
  • Domain Authority: ลิงก์จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ (ค่า DR ที่สูง) เช่น เว็บข่าว BBC News
  • HTTP Status: การใช้ HTTPS จะมีอันดับสูงกว่าไซต์ HTTP รวมถึงการเกิดปัญหา HTTP Status อื่นๆ เช่น 404 (Not Found) 502 (Bad Gateway) ฯลฯ

องค์ประกอบที่ระบุว่า Link Juice นั้นจะเป็นลิงก์ที่ดีหรือไม่ จะมีดังต่อไปนี้

  • เป็นลิงก์ที่ส่งมาจากหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรืออุตสาหกรรมธุรกิจเดียวกันกับเว็บไซต์ของคุณ
  • หน้าเว็บไซต์นั้นๆ จะต้องมี Organic Traffic ที่ดี
  • เป็นหน้าที่ได้ทำการแชร์ไปยัง Social Media จำนวนมากและในหลากหลายแพลตฟอร์มยิ่งดี
  • เป็นลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยความน่าเชื่อถือนี้สามารถดูได้จาก Domain Authority (DA), Referring Domains และ Domain Age
  • ลิงก์จะต้องเป็นลิงก์ที่อยู่บนเนื้อหา ไม่ใช่อยู่บน Menu Bar, Footer หรือ Silde Bar นอกจากนี้ ในเนื้อหาเองไม่ควรมี External link เกิน 3 ลิงก์ด้วย
  • เป็น Link ที่ถูกจัดทำดัชนี index บน google เรียบร้อยแล้ว

ทำ 301 Redirects

หน้าไหนที่จะลบหรือไปสร้างใหม่ ต้องทำ 301 Reditect เพื่อส่งคะแนน Link Juice จาก URL เก่า ไปยัง URL หน้าเพจใหม่

เครื่องมือตรวจสอบ Link Juice

มีเครื่องมือ SEO ที่ใช้ตรวจสอบ Link Juice ทั้งแบบฟรีและเสียเงินดังนี้

เราต้องมีเครื่องมือใช้ตรวจสอบ Backlink เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ ในบางครั้ง เราอาจโดนกลั่นแกล้งจากคู่แข่งหรือพวกลองวิชาในการจัดทำยิง Backlink ที่ไม่เกี่ยวข้อง จำนวนมากๆ เข้ามาหาเว็บเรา หรือ การที่เว็บเรามีการทำ Link Juice ไปยังเว็บต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยตั้งใจหรือถูก hack คอยตรวจสอบดูว่าเป็นธรรมชาติหรือเปล่า และใช้เครื่องมือตรวจสอบเว็บไซต์ ถ้าหากต้องการซื้อ Backlink ก็อาจจะต้องคัดเว็บไซต์คุณภาพ เป็นลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ เพราะถ้า Link Juice ของคุณไม่มีคุณภาพ ก็อาจส่งผลเสียต่ออันดับและ Traffic ของเว็บไซต์เราได้ครับ

Link Juice คือ ค่าพลังคะแนนของ Backlink หนึ่งในเทคนิคการทำ Link Building ที่ช่วยส่งพลังของหน้าเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงไปยังหน้าเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องผ่านการทำ Internal Link, External Link ซึ่ง SEO Algorithm ของ Google ใช้ Link Juice เป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับ มีข้อความระวังเดียวกับในเรื่อง Backlink เพื่อป้องกันการโดนหาว่าเป็น Spam Link และโดนลงโทษจาก Google ตามมา

]]>
PBN คืออะไร เทคนิคการทำ SEO ข้อดีข้อเสีย https://seomasterth.com/what-is-pbn/ Sun, 24 Dec 2023 07:11:28 +0000 https://seomasterth.com/?p=26833 PBN คืออะไร

PBN ย่อมาจากคำว่า “Private Blog Network” คือ เครื่อข่ายเว็บไซต์ส่วนตัว ซึ่งเป็นเทคนิคการใช้ทำ Backlink อยู่ในส่วน SEO Off page โดย พีบีเอ็น PBN เป็นการจัดทำเว็บบล็อคของตัวเองขึ้นมามีจุดประสงค์เพื่อใช้โพสบทความที่แนบ Backlink มาหาเว็บไซต์ธุรกิจของเรา (Money Site) เพื่อช่วยดันอันดับเป็นการทำ SEO ที่ปัจจุบัน 2024 ก็ยังมีใช้กันอยู่ครับ


โดยขั้นตอนการทำ PBN จะจดโดเมนและโฮสต์ใหม่แล้วทำเว็บบล็อคโดย WordPress หรือซื้อโดเมนเก่าที่มีคะแนนทาง SEO อยู่แล้วมาทำใหม่

ข้อควรระวัง อ้างอิงจาก Google’s link spam guidelines ได้บอกไว้ว่า

“Any links that are intended to manipulate rankings in Google Search results may be considered link spam. This includes any behavior that manipulates links to your site or outgoing links from your site.”

Backlink ที่ตั้งใจสร้างเพื่อดันอันดับทาง SEO อาจจะถูกมองเป็น spam link ก็คืออาจจะโดนลงโทษ ถูกแบนนั่นเอง

PBN มีกี่ประเภท

ปัจจุบัน การทำ PBN หรือ Private Blog Network จะนิยมทำกันอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ PBN แบบมีคุณภาพ และ PBN แบบไม่มีคุณภาพ

แล้วมันต่างกันยังไง?

PBN แบบมีคุณภาพ

PBN แบบมีคุณภาพ คือ  คือเว็บไซต์ที่ผ่านการปรับปรุงและพัฒนาได้ตรงตามเกณฑ์มาตรฐาน SEO ของ Google มาแล้ว มีการอัพเดต โพสต์ เรื่อง บทความใหม่ อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ต่างอะไรจากเว็บไซต์หลักของเราเลย เพียงแต่ถ้าเราสังเกตดูดีๆ เราจะเห็น Backlink ออกไปหา Money Site แทบจะทุกโพสต์

ข้อดีของการทำ PBN แบบมีคุณภาพ

  • ไม่เสี่ยงโดนแบน เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาอย่างถูกต้อง รวมถึงมีการปรับแต่งตามเกณฑ์ที่อัลกอริทึมกำหนด มีผู้คนใช้งาน Traffic จริง
  • สามารถควบคุมประเภทของเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เป็นเนื้อหาประเภทเดียวกับบนเว็บไซต์หลักได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมศักยภาพของการทำ Backlink ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
  • สามารถปรับเปลี่ยน Backlink และคีย์เวิร์ดได้เองเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องติดต่อเจ้าของเว็บไซต์เพื่อขอให้เปลี่ยน เพราะอัลกอริทึมของ Google มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ การจะทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพก็ต้องคอยปรับเปลี่ยนองค์ประกอบต่าง ๆ บนเว็บไซต์ตามให้สอดคล้องกัน
  • หากมีงบประมาณก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะลงทุน เพราะ PBN แบบมีคุณภาพมีอายุการใช้งานนาน ตราบใดที่ยังรักษากฎของ Google
  • ต้นทุนถูกกว่าการซื้อ Backlink จากเว็บไซต์ชื่อดังอื่น ๆ เป็นรายครั้ง

ข้อเสียของการทำ PBN แบบมีคุณภาพ

  • กรณีที่เราทำ PBN ขึ้นมาเอง จะใช้เวลานานมาก เพราะการทำ PBN ประเภทนี้เปรียบเสมือนการสร้างเว็บไซต์ใหม่ขึ้นมาอีกเว็บฯ หนึ่ง ซึ่งกว่าจะปรับแต่งให้ดีได้ก็ต้องใช้เวลา ตามหลัก SEO แล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือนหรือเป็นปี
  • กรณีที่เราซื้อ PBN Backlink จากคนอื่น เราไม่สามารถควบคุม Backlink เว็บอื่นได้ ถ้าเขาขายให้กับเว็บสีเทาต่างๆ ทำให้มีความเสี่ยงต่อ SEO ที่อาจโดนแบน ถูกลงโทษจาก Google ในอนาคตได้

PBN แบบไม่มีคุณภาพ

PBN แบบไม่มีคุณภาพ จะไม่มีจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) แต่เอามาหลอกขาย Backlink ถ้าเราไม่ได้เช็คสถิติของเว็บไซต์ PBN ให้ดี ทำมาเพื่อจุดประสงค์ด้านการขายลิงก์ทาง SEO โดยเฉพาะ และบางทีอาจไม่มีคีย์เวิร์ดอะไรที่ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหา (0 Keyword) PBN เหล่านี้จะขายในราคาถูก

ข้อดีของการทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพ

  • ราคาถูก
  • เหมาะกับเว็บสีเทา เว็บผู้ใหญ่ ที่เน้นปริมาณ backlink เพราะเว็บเหล่านี้หา Backlink จากเว็บใหญ่ๆดีๆ ได้ยาก

ข้อเสียของการทำ PBN แบบไม่มีคุณภาพ

  • มีโอกาสโดนแบนจาก Google อาจอันดับตกทั้งเว็บไซต์ หรือ หายไปจากหน้าผลการค้นหาเลย (Penalized/Loses Rankings)
  • PBN ไม่มีคุณภาพ ถ้าเป็นกรณีไปซื้อของคนอื่น เปิดได้ไม่นานเว็บไซต์ก็ปิดตัว เอามาหลอกขาย Backlink ลูกค้า

วิธีหา PBN ที่เป็น toxic Backlink

1. ใช้เครื่องมือฟรี Backlink Analytics Tool ของ SEMRush ใส่ URL เว็บไซต์ของเรา

ไปที่ Tab > Network Graph ระบบจะแสดงกราฟของ Backlink network ถ้าเราเห็นจุดสีแดง แสดงว่าเว็บเรามี PBN แบบไม่มีคุณภาพ เป็น toxic Backlink ครับ

2. ใช้เครื่องมือฟรี Backlink Audit Tool ของ SEMRush ใส่ URL เว็บไซต์ของเรา

ไปที่ Tab > Audit คลิก Review Backlink ระบบจะรายงาน Backlink ให้คลิกที่ TS เพื่อเรียง Link จาก Toxic Score มากสุดไปน้อยสุด แล้วนำไปทำ Disavow Link ครับ

 

สรุป PBN คืออะไร

PBN เป็นเหมือนกลยุทธ์ทางเลือกที่จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น ถ้ามีก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร อย่าลืมว่า Backlink ที่ให้คะแนนมากที่สุด คือ Backlink ที่เป็นธรรมชาติ ที่อยู่ภายใต้กฎข้อบังคับของ Google ต่อให้ไม่ทำ PBN แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ คอนเทนต์เนื้อหาสนใจ ก็สามารถติดอันดับบนหน้าค้นหาของ Search Engine ได้เช่นกันหากทำ SEO อย่างถูกวิธี

หากใครกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO ที่มีคุณภาพ SEO MASTER เรายินดีให้บริการปรึกษาฟรีติดต่อเราได้เลยวันนี้

]]>
Backlink คืออะไร ต้องทำแบบไหนให้ดีต่อเว็บไซต์ของคุณ มีคำตอบ https://seomasterth.com/what-is-backlink/ Wed, 13 Dec 2023 08:39:26 +0000 https://seomasterth.com/?p=26258 หนึ่งในเทคนิคของการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพนอกจากการสร้างหน้าเว็บไซต์ที่ดี มีบทความชั้นยอดอยู่บนเว็บแล้ว “Backlink” หรือที่หลายคนมักเรียกว่า Link Building ก็เป็นอีกหัวใจสำคัญที่ Google จะให้คะแนนเพื่อทำอันดับด้วยเช่นกัน แล้ว Backlink คืออะไร ต้องทำแบบไหนบ้างเพื่อให้ตอบโจทย์กับเว็บตนเอง มาหาคำตอบทั้งหมดกันได้เลย

Backlink คืออะไร

Backlink คือ ลักษณะของการลงบทความบนหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ แล้วสร้างลิงค์เพื่อให้ย้อนกลับเข้ามาหายังเว็บของตนเอง เป็นอีกกลยุทธ์การทำ SEO ที่เรียก Off-Page ด้วยแนวคิดของ Search Engine อย่าง Google มองว่าเมื่อไหร่ก็ตามบทความที่ถูกโพสต์ลงบนเว็บมีการอ้างอิงข้อมูล หรือทำลิงค์เพื่อให้คนคลิกเข้าไปหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ นั่นเท่ากับเว็บดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ ข้อมูลน่าสนใจ จนผู้ที่ลงบทความยังต้องขออ้างอิงเนื้อหา คะแนนของเว็บที่ถูกทำ Backlink กลับไปหาก็มักมีอันดับดีขึ้นเรื่อย ๆ

จากคำอธิบายดังกล่าวจึงพอสรุปขั้นตอนเบื้องต้นในการทำ Backlink ได้ว่า เมื่อคุณเขียนบทความใด ๆ เสร็จเรียบร้อยให้นำไปโพสต์บนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ แล้วมีการทำลิงค์กลับมายังเว็บของตนเอง ยิ่งถ้าเป็นบทความคุณภาพถูกโพสต์บนเว็บที่น่าเชื่อถือแล้วมีคนคลิกอ่านเยอะ มีคนกดลิงค์กลับมายังหน้าเว็บของคุณเยอะ คะแนนในส่วนนี้ก็จะดีและมีโอกาสติดอันดับหน้าแรกง่ายขึ้น ตัวอย่าง บทความที่มี Backlink อ้างอิงถึงเว็บไซต์อื่น

Backlink มีกี่ประเภท

1. Dofollow

เป็น Backlink ที่จะส่งคะแนน SEO มาให้เรา (Link Juice) อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dofollow Backlink

2. Nofollow

เป็น Backlink ที่ไม่ได้ส่งคะแนน SEO ให้เรา แต่เป็นการส่งสัญญาณให้ Google และสามารถส่ง Organic Traffic เป็นลูกค้าจริงเข้ามาสู่เว็บไซต์เราและทำให้ได้ผลทาง SEO ทางอ้อมได้ และยังเป็นส่วนช่วยให้ความเป็น Natural Link ที่ได้รับมากขึ้นด้วย

3. UGC

UGC ย่อมาจาก user generate content โดย link ประเภทนี้ Google ให้วัตถุประสงค์ใช้ในส่วน Comment Blog หรือ Forum เป็นส่วนที่ผู้ใช้งานหรือสมาชิกสามารถโพสต์ข้อมูลเองได้ backlink ประเภทนี้จัดอยู่ภายใต้ Nofollow

4. Sponsored

ลิงก์สำหรับการลงโฆษณา (Paid Ads Link) เป็นสปอนเซอร์กับทางเว็บไซต์ ใช้เพื่อบอก Google หลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบว่าเป็น Unnatural Link ได้ backlink ประเภทนี้จัดอยู่ภายใต้ Nofollow

การทำ Backlink ที่ดี ต้องใช้เฉพาะลิงค์ที่มีคุณภาพเท่านั้น

มือใหม่ที่พึ่งเริ่มทำ SEO หรืออยากใช้ Backlink เพื่อเพิ่มอันดับให้กับเว็บไซต์ของตนเองอาจเข้าใจผิดว่าเมื่อมีบทความแล้วนำไปโพสต์ลงที่ไหนก็ได้ขอแค่ทำลิงค์โยงกลับมาหาหน้าเว็บของตนเองก็เรียบร้อย ยิ่งทำหลายเว็บจะต้องทำอันดับได้ดีแน่? แต่คำตอบคือไม่ใช่เลย เพราะปัจจุบัน Google เองมีการสร้างอัลกอริทึมเพื่อตรวจจับลิงค์สแปม (Spam) หรือการทำลิงค์จากเว็บที่ไม่มีคุณภาพ เพื่อต้องการให้ทุกคนทำ Backlink เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

ด้วยเหตุนี้ใครที่ยังยึดติดกับการทำ Backlink แบบเดิม ๆ นั่นคือ เน้นโพสต์ลงบนเว็บไหนก็ได้ให้เยอะไว้ก่อนโดยไม่สนว่าเว็บนั้น ๆ จะมีคุณภาพหรือไม่ นอกจากคนไม่ค่อยเข้าชมแล้ว Google เองยังมักตัดคะแนนตรงจุดนี้จนทำให้อันดับของเว็บค่อย ๆ ลดลงอีกต่างหาก

เทคนิคการเลือกทำ Backlink ที่มีประสิทธิภาพ

หากคุณกำลังเร่งทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของตนเองเพื่อโอกาสติดอันดับหน้าแรก การทำ Off-Page ผ่านวิธีสร้าง Link Building คืออีกกระบวนการที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด ซึ่งเทคนิคการเลือกทำ Backlink ที่มีประสิทธิภาพสามารถสรุปได้ดังนี้

1. สร้างบทความที่มีคุณภาพ

การเขียนบทความ (Guest Post) ให้มีคุณภาพยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO ทุกรูปแบบเสมอ รวมถึงการทำ Off-Page หรือการทำ Backlink ก็ตาม เพราะถ้าบทความคุณขาดคุณภาพ ไม่ได้ความรู้ ข้อมูลน่าสนใจอะไรกลับไปเลย คนก็มักไม่ค่อยเข้ามาอ่าน ไม่มีการกดลิงค์ คะแนนก็ไม่เกิด อันดับไม่ขยับ เสมือนทำแล้วเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

2. เลือกเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ

คำว่า “ความน่าเชื่อถือ” ที่จะฝาก Backlink เอาไว้ได้ส่วนใหญ่มักประเมินจากชื่อเสียงของเว็บและยอด Traffic ที่คนเข้ามาเยี่ยมชมและใช้บริการต่อวัน ซึ่งถ้าใครไม่แน่ใจว่าเว็บไหนเป็นคำตอบที่น่าสนใจลองใช้เครื่องมือ MOZ, Ahrefs เพื่อคำนวณค่า DA หรือ Domain Authority หากคะแนนสูงมากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือก็มากตาม และเป็นเว็บคุณภาพที่ควรค่ากับการทำ Link Building

3. ทำบทความบนหน้าเว็บของตนเองให้มีประสิทธิภาพ

เทคนิคนี้ไม่เชิงว่าเป็นการนำบทความของตนเองไปฝากไว้กับเว็บอื่น แต่จะให้คนที่ต้องการข้อมูลในเรื่องที่ถูกเขียนแล้วโพสต์ลงบนเว็บของตนเองนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ จากนั้นเขาก็จะอ้างอิง Source กลับมา (เสมือนแสดงมารยาทเล็ก ๆ หากนักเขียนนำข้อมูลจากเว็บไหนมาใช้เยอะ) ซึ่งการอ้างอิงดังกล่าวก็เท่ากับเป็นอีกรูปแบบของ Backlink เมื่อมีคนเข้าไปอ่านบทความนั้น ๆ ก็สามารถคลิกเพื่อให้ลิงค์กลับมายังหน้าเว็บของคุณได้เช่นกัน

4. การขอซื้อพื้นที่โฆษณาจากเว็บเนื้อหาใกล้เคียงกัน

วิธีนี้อาจต้องเสียเงินเพิ่มสักหน่อยแต่โดยรวมก็ไม่ถึงกับจ่ายหนักอะไรขนาดนั้น หลักการก็คล้ายกับคุณซื้อหน้านิตยสาร หน้าหนังสือพิมพ์เพื่อลงเนื้อหาของตนเอง แล้วลิงค์เชื่อมกลับมายังหน้าเว็บ ซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง จำนวนคนเข้าเยี่ยมชมแต่ละวัน และอื่น ๆ เป็นปัจจัยประกอบกันไป

5. Backlink ที่มาจาก Social Media

การโพส URL บน facebook หรือจะเป็นใส่ Website Link บนรายละเอียดวีดีโอ Youtube หรือการทำ Local SEO ในส่วน Google Business Profile ใส่เว็บไซต์ได้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำ SEO Off-Page เช่นกัน

แล้ว Backlink แบบไหนที่ไม่แนะนำให้ทำเด็ดขาด

  • การใช้ Automatic Link Building Program) หรือโปรแกรมสร้างลิงค์อัตโนมัติ
  • การทำลิงค์แบบ Nofollow Backlink ส่วนมากมักเป็นลิงค์ที่มาจาก Social Media หรือพวกเว็บบอร์ดดัง ๆ โดยจะมีโค้ด HTML ระบุไว้ชัดเจนว่า rel=”nofollow” เพื่อป้องกันการ Spam (แต่ก็ไม่ทุกเว็บเสมอไป บางเว็บลิงก์ Nofollow ก็ยังได้คะแนนแต่ลดทอนลงมาครับ)
  • การเชื่อมโยงลิงค์มาจากเว็บบอร์ดทั้งหลาย เพราะ Google มองว่าเป็นเว็บที่ใครก็โพสต์ฝากลิงค์ได้
  • การเชื่อมโยงลิงค์จากเว็บคุณภาพต่ำไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเว็บ PBN (Private Blog Network) ที่ไม่มีประสิทธิภาพ Profile Backlink กลุ่ม Web Directory ด้อยคุณภาพ การโพสต์ลิงค์เอาไว้ในคอมเมนต์ (Spam Comment) ลิงค์จากกลุ่มเว็บ Guestbook (เว็บขอคำติชมจากผู้เชี่ยมชม) หรือแม้แต่ Social Bookmark ก็ไม่ควรทำเด็ดขาด
  • Backlink จากเว็บไซต์ที่มีประเภทธุรกิจไม่สอดคล้องกับเว็บไซต์เรา หรือมี Backlink เว็บสีเทาโปรโมทบนเว็บนั้นจำนวนมาก

Backlink ต้องมีจำนวนเท่าไรถึงเพียงพอที่เริ่มเห็นผล

เว็บไซต์ควรมี Backlink เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา 40-50 Backlink ในหน้า homepage และมีแบ็คลิงก์ 0-100 Backlinks ในหน้าหมวดหมู่หรือหน้าคอนเทนต์ ถึงจะเห็นผลสำหรับคำแนะนำการทำ backlink ที่ดีในการทำ SEO อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถการันตีผลลัพธ์ได้ เพราะ Backlink เป็นเพียงปัจจัยข้อเดียวเท่านั้น ยังมีปัจจัยเงื่อนไขอื่นๆอีกมากมายครับ

สรุป

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำ Backlink อีกกลยุทธ์สำคัญสำหรับคนที่กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อให้เว็บติดอันดับผ่าน SEO สามารถไปปรับใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดี อย่างไรก็ตามเทคนิคเกี่ยวกับการทำ SEO ยังมีอีกหลายประเด็น ค่อย ๆ เริ่มต้นศึกษาแล้วทำอย่างใส่ใจ ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน แต่หากผู้อ่านไม่มีเวลาศึกษาเรามีบริการรับทำ Backlink เป็นบันไดสูตรลัดสู่ความสำเร็จทางธุรกิจอีกขั้นหนึ่งครับ

 

 

 

]]>