Core Web Vitals คือ

ปัจจัยสำคัญที่จะวัดผลในเรื่องของ UX (User Experience) หรือประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์จากลูกค้าจริง ใช้เวลาเก็บข้อมูลจำนวน 28 วัน เพราะนอกจากเนื้อหาเว็บไซต์ที่มีคุณภาพแล้ว Google ต้องการให้ผู้ใช้งานนั้นได้รับประสบการณ์ที่ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ความเร็วในการดาวน์โหลดคอนเทนต์การตอบสนองของเว็บไซต์ และความเสถียรของดีไซน์ในเว็บไซต์

การเช็ค Core Web Vitals

เราสามารถดูรายงาน Core Web Vitals ของเว็บไซต์เราได้ที่ Google Search Console และ Google PageSpeed Insights โดยเราสามารถดูรายงานภาพรวมทั้งหมดในเว็บไซต์ของเราได้เลยที่เดียว หน้าไหนดี หน้าไหนมีปัญหา เราสามารถเห็นได้ชัดเจน

หากเราต้องการคลิกเพื่อดูรายละเอียดในส่วนต่างๆ ที่เราต้องแก้ไข Google Search Console จะส่งเรามาที่ Google PageSpeed Insights เพื่อดูรายละเอียดเชิงลึกของหน้าเพจนั้นอีกที

ทีนี้เรามาลงลึกกันอีกว่า Core แต่ละตัวนั้นคืออะไร แล้วจะมีวิธีการปรับเว็บไซต์ยังไงบ้าง เพื่อให้เราปรับเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้นเพื่อเรียกคะแนนจาก Google

  • Largest Contentful Paint (LCP)

ตัววัดผลเรื่อง ความเร็วในการดาวน์โหลดเนื้อหา ที่ขนาดใหญ่ที่สุดบน หน้าจอแสดงผล  ในหน้าเว็บไซต์ ส่วนใหญ่ LCP จะเป็นรูปภาพ ความเร็วที่เหมาะสมนั้นควรใช้เวลาดาวน์โหลดไม่เกิน 2.5 วินาที (นับจากองค์ประกอบแต่ละส่วน ไม่ใช่ทั้งเว็บไซต์) 

การแก้ปัญหาเรื่อง Page Speed

ลบ และ ลด องค์ประกอบเว็บไซต์ที่มีขนาดใหญ่ – ปัญหาที่เรามักจะพบกันบ่อยๆ มักจะเป็นเรื่องของไฟล์ภาพประกอบที่มีขนาดใหญ่ นามสกุลไฟล์ที่ใช้ ภาพเคลื่อนไหว หรือ VDO

เพราะการออกแบบเว็บไซต์คนส่วนใหญ่มักจะต้องการให้ภาพในเว็บไซต์ดูสวยคมชัด จึงทำไฟล์รูปให้มีขนาดใหญ่ บางเว็บไซต์อาจเน้นแต่ใส่รูปจึงทำให้หลายๆ เว็บไซต์ พบกับปัญหานี้

Optimize ไฟล์รูปภาพให้ขนาดเล็กลงในขณะที่ตามนุษย์ยังมองเห็นความชัดภาพเหมือนเดิม ลบภาพที่ไม่จำเป็นออก หรือแปลงสกุลเป็นนามสกุล .webp ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราเบา ภาพขนาดเล็กลงกว่า 50% และโหลดได้เร็วยิ่งขึ้น

 

โหลด Script ที่เป็น URL ภายนอก นำมาอยู่ภายใต้โดเมนของเรา – เพราะการโหลดหน้าเว็บที่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้อยู่ ต้องมีการดึงข้อมูลจากนอกเว็บไซต์เพื่อเข้ามาแสดงผลร่วมด้วย ทำเว็บของเราต้องใช้เวลาในการดาวน์โหลดมากขึ้นและควบคุมการทำ Leverage Caching ไม่ได้

Optimize css,js – บีบอัดเนื้อหาโค้ดให้เหลือบรรทัดเดียว ทำให้ลดขนาดของหน้าเว็บได้ ส่งผลทำให้การโหลดหน้าเว็บใช้เน็ตน้อยลง โหลดไวขึ้น

อัพเกรดเว็บโฮสติ้ง – เปิดการประเพิ่มสิทธิภาพให้กับ Server ของเว็บไซต์ที่เราเช่าเอาไว้ หากเป็นเว็บไซต์ที่มีการเช่าโฮส อาจจะมีแพ็กเกจที่ให้เราอยู่ใน Server ที่มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูง

First Input Delay (FID)

FID จะเป็นตัววัดผลความเร็วในการตอบสนองของเว็บไซต์กับผู้ใช้งาน ว่าเวลาคลิกปุ่ม Call to action ต่างๆ ที่อยู่ในเว็บไซต์นั้นมีระยะเวลามากไหนถึงจะมีการโต้ตอบกลับมา ยกตัวอย่างเช่น

  • การคลิกเลือกเมนู เปลี่ยนหน้าเร็วหรือไม่
  • การคลิกลิงก์ มีการตอบสนองเร็วแค่ไหน
  • การกด Submit หรือ ลงทะเบียน ใช้เวลาส่งข้อมูลนานแค่ไหน

ความเร็วที่เหมาะสมควรไม่เกิน 100 milliseconds หรือ 0.1 วินาที

สำหรับเว็บไซต์ที่มีแต่เนื้อหา 100% เช่นบล็อก บทความ หรือเว็บข่าว FID อาจไม่ส่งผลมากนัก แต่ก็ยังมีการตอบสนองในเรื่องการเลื่อนหน้าจอ คลิกภาพ และการซูม เข้า/ออก อยู่ด้วย เช่นกัน

หากเว็บไซต์ของเรามีระบบ Log-in เพื่อเข้าไปใช้งานระบบสมาชิก แต่เมื่อกดเข้าไปแล้วรู้สึกว่าเว็บไซต์หน่วง ช้า หรือ เข้าไม่ได้สักที แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ Google ไม่ต้องการ และเราต้องแก้ไขโดยด่วน

การแก้ปัญหาส่วนการตอบสนองเว็บไซต์

ปัญหาหลักของการเกิด Delay นั้นมาจากการที่ Browser ของเรากำลังดาวน์โหลด Script และข้อมูลอื่นๆ ในเว็บไซต์อยู่ จึงทำให้การคลิกมีการตอบสนองค่อนข้างช้า

สำหรับคนที่เขียนเว็บ หรือใช้ WordPress ในการทำ เว็บไซต์ Google แนะนำให้เราลบ JavaScritp ที่ไม่ได้ใช้ออก รวมถึง Plug-in ต่างๆ ที่มีดึงข้อมูลมาจาก Third-Party เพื่อลดการทำงานในส่วนที่ไม่จำเป็นออก

การลดขนาดไฟล์รูปภาพ Gif และ Video นอกจากจะช่วยในเรื่องของ Page Speed ก็ทำให้เว็บไซต์ตอบสนองได้เร็วขึ้นเช่นกัน

Cumulative Layout Shift (CLS)

ตัววัดความเสถียรของ Layout เว็บไซต์ ปัญหาเหล่านี้เราสามารถเห็นได้ชัดเจนบนหน้าเว็บ หากให้อธิบายให้เห็นภาพก็ตัวอย่างเช่น

  • ฟอนต์ที่มีขนาดเล็กเกินไปจนอ่านยาก
  • ปุ่มที่มีขนาดเล็ก หรืออยู่ติดกับปุ่ม ด้านข้างมากเกินไปจนทำให้กดผิด
  • ดีไซน์ที่เด้งไปเด้งมา ขณะที่เว็บไซต์กำลังโหลด

บางคนต้องการอ่านบทความในเว็บไซต์ แต่จู่ๆ กลับมีโฆษณาแทรกเข้ามาทำให้มือไปโดนจนคลิกที่โฆษณา เด้งออกไปนอกเว็บไซต์ เท่านี้เว็บไซต์ของเราก็มอบประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้งานแล้ว และถ้าเว็บไซต์ของเรายังเป็นแบบนี้อยู่ คงไม่มีใครกลับมาเข้าเว็บไซต์ของเราแน่นอน

การแก้ไขความเสถียรของดีไซน์

ปัญหานี้ส่วนใหญ่ เกิดจากความไม่ตั้งใจของผู้พัฒนาเว็บ ที่วางไฟล์ .css ซึ่งเป็นส่วนทำดีไซน์ไว้ผิดที่ทำให้มีการปรับดีไซน์หลังจากโหลดวัตถุเสร็จแล้ว ทำให้วัตถุถูกแสดงออกมา ผิดรูป ผิดตำแหน่ง ในขณะเริ่มต้น และเด้งไปอยู่ถูกตำแหน่งในตอนท้าย จึงเป็นที่มาของการจัดการ Critical CSS Path

Get Start 

Core Web Vitals คือ สิ่งสำคัญที่คุณต้องให้ความสำคัญหลังจากนี้ ลองกลับไปเช็คเว็บไซต์คุณด้วย Google Search Console ปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเพื่อสร้างประสบการที่ดีให้กับผู้ใช้งาน

  • ทำเว็บไซต์ให้โหลดเร็วยิ่งขึ้น
  • การใช้งานลื่นไหล คลิกแล้ว ไม่ช้า หรือ หน่วง
  • ปรับตำแหน่งการวาง ปุ่ม ต่างๆ ให้ง่ายต่อการใช้งาน

และทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับคะแนน SEO จาก Google 

สร้างโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก Google เพิ่มผู้ชม และยอดขายบนเว็บไซต์ด้วยบริการ SEO ของเราให้ธุรกิจคุณเหนือกว่าคู่แข่ง