สำหรับคนที่คอมพิวเตอร์เป็นประจำคงพอคุ้นชินกับคำว่า “Drag and Drop” กันเยอะมากทีเดียว แต่เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้อง ช่วยให้การทำงานคล่องตัว มีประสิทธิภาพ เหนือสิ่งอื่นใดความหมายและวิธีดังกล่าวยังมีบทบาทต่อธุรกิจมากกว่าที่คิดอีกด้วย จึงขอพามาทำความรู้จักเพื่อนำปรับใช้กับการทำงาน ทำธุรกิจ รวมถึงบริหารจัดการบุคลากรภายในองค์กรสร้างผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ไม่ยากเลย
Drag and Drop คืออะไร
Drag and Drop คือ การลากไฟล์จากโฟลเดอร์หนึ่งไปยังอีกโฟลเดอร์หนึ่งโดยมีจุดประสงค์สำคัญเพื่อการทำซ้ำ ก็อปปี้ (Copy) หรือตั้งใจย้ายที่อยู่ของไฟล์ ซึ่งคำว่าไฟล์อาจเป็นได้ทั้ง Text รูปภาพ วิดีโอ โปรแกรม แอปพลิเคชัน หลักในการทำงานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงใช้เมาส์คลิกค้างไว้ 1-2 วินาที บนไฟล์ต้นฉบับที่ต้องการก็อปปี้หรือย้ายจากนั้นก็ลากไปยังโฟลเดอร์ที่คุณต้องการ หรือกรณีเป็นหน้าจอแบบทัชสกรีนก็สามารถแตะนิ้วค้างไว้ยังไฟล์นั้น ๆ ประมาณ 1-2 วินาที แล้วค่อยลากไปยังโฟลเดอร์ปลายทาง เท่านี้ก็เรียบร้อย
ดังนั้นโดยสรุปความหมายของคำว่า Drag and Drop จึงสามารถแปลตรงตัวได้ง่าย ๆ คือ “ลากแล้ววาง” ส่วนจุดประสงค์จะเป็นการทำซ้ำหรือการย้ายไฟล์ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของระบบที่ใช้งาน เช่น หากลากไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปวางยัง Google Drive จะเป็นการก็อปปี้ แต่ถ้าลากไฟล์จากหน้า Desktop คอมพิวเตอร์ ไปวางไว้ยังโฟลเดอร์ที่สร้างขึ้นใหม่บนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันก็จะเป็นการย้ายนั่นเอง
บทบาทการใช้วิธี Drag and Drop สำหรับทำงานทั่วไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธี Drag and Drop เป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่คนทำงานกับคอมพิวเตอร์ทั้งพนักงานออฟฟิศทั่วไป ผู้บริหาร CEO หรือแม้แต่คนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย ๆ จะรู้กันดีเมื่อไหร่ที่ต้องการก็อปปี้หรือย้ายไฟล์เพียงแค่ทำตามขั้นตอนที่ระบุเอาไว้ก็เรียบร้อย แต่ในอีกมุมหนึ่งต้องยอมรับว่าวิธีดังกล่าวมีบทบาทชั้นยอดต่อ Workflow ของการทำงานเป็นอย่างมาก
อธิบายแบบเข้าใจง่ายคือ ช่วยให้การทำงานเกิดความสะดวก รวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัยในการจัดวางหรือเรียงลำดับเอกสารต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องทำงานร่วมกับหลายแผนก เช่น การมีโฟลเดอร์กลางสำหรับวางงานเพื่อให้แผนกอื่นนำไปทำต่อ เมื่อเทียบกับการต้องคลิกขวาบนไฟล์ กด Copy จากนั้นลากเมาส์ไปยังโฟลเดอร์ปลายทาง คลิกขวา กด Paste การ Drag and Drop ถือว่าตอบโจทย์มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
การ Drag and Drop กับบทบาทที่มีต่อธุรกิจ
จากตัวอย่างการใช้งานวิธี Drag and Drop ทั่วไป จะเห็นว่านี่คือพื้นฐานเบื้องต้นที่พนักงานสามารถเพิ่มความสะดวกให้กับตนเองได้ สร้างผลลัพธ์เชิงบวกในด้านบริหารจัดการ และการทำงานที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้นเพราะวิธีทำงานดังกล่าวยังส่งผลต่อบทบาทด้านอื่นในการทำธุรกิจด้วย
1. งานด้านการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์
ยุคนี้การทำธุรกิจต้องมีโลกออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์แม้เป็นหน้าที่ของเว็บมาสเตอร์ หรือคนทำเว็บ โดยเฉพาะ Elementor ที่เป็น Plugin ของ WordPress ใช้ในการออกแบบหน้าเพจ แต่อีกมุมหนึ่งพวกเขาก็มักนิยมใช้วิธี Drag and Drop เพื่อสร้าง ปรับปรุง แก้ไข โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโค้ดหรือเขียนโค้ดขึ้นใหม่ให้ยุ่งยาก ส่วนมากจะเป็นการปรับเรื่องง่าย ๆ เช่น ตำแหน่งปุ่มกด รูปภาพ ข้อความ หรือการเปลี่ยนธีมสำเร็จรูป
2. ธุรกิจด้าน E-Commerce
ลองนึกภาพว่าการขายของออนไลน์บนเว็บ E-Commerce ของคุณ ลูกค้าสามารถลากไฟล์สินค้าที่จะซื้อลงในตะกร้าของเขาโดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มซ้ำหลายรอบจะสร้างความน่าประทับใจได้มากแค่ไหน หรือในกรณีที่ต้องอัปเดตภาพ ข้อมูลสินค้าลงบนหน้าเว็บตลอด แล้วใช้การ Drag and Drop ไม่ต้องก็อปปี้ทีละไฟล์ก็สะดวกมากทีเดียว ยังไม่นับรวมกับการปรับเลย์เอาต์ต่าง ๆ เหมือนกับการออกแบบเว็บไซต์ก็มีหลักพื้นฐานแบบเดียวกันด้วย
3. การจัดทำไฟล์งาน Presentation
เป็นเรื่องปกติที่ธุรกิจต้องมีการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ให้กับลูกค้า ซึ่งหนึ่งในรูปแบบที่พบเจอบ่อยมากคือ Presentation เช่น การประชุมเพื่ออธิบายโครงสร้าง แนวทาง หรือไอเดียการทำงาน ตรงจุดนี้เองในระหว่างนำเสนอ การ Drag and Drop จะช่วยเพิ่มลูกเล่นให้งานของคุณดูน่าสนใจมากขึ้น เช่น การลากรูปภาพย้ายจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง หรือแม้แต่ในระหว่างที่วุ่นวายอยู่กับการทำ Presentation เพื่อนำเสนอลูกค้า การใช้วิธีลากแล้ววางรูปภาพ ข้อความ คลิกวิดีโอ จะช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม
4. การวางแผนด้านธุรกิจและบริหารงาน
ท้ายที่สุดเมื่อมองในภาพรวมแล้ว การ Drag and Drop มีส่วนสำคัญต่อการวางแผนและบริหารจัดการในเชิงธุรกิจแบบครอบคลุมสุด ๆ เช่น ฝ่ายบริหารที่ต่างคนต่างวางแผนด้านที่ตนเองได้รับคำสั่ง ก็นำเอาหลักตรงนี้ไปใช้ทำงานได้ ขณะที่ระหว่างนำเสนอแผนให้กับผู้บริหารหรือพนักงานในองค์กรก็ยังใช้วิธีลากแล้ววางเพื่อเพิ่มความน่าสนใจได้เช่นกัน
สรุป
การ Drag and Drop ถือเป็นอีกวิธีที่คนยุคใหม่รวมถึงคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งภายนอกอาจถูกมองว่าเป็นแค่ระบบพื้นฐานที่มากับอุปกรณ์ไอที แต่เมื่อเจาะลึกลงไปจะเห็นถึงความสำคัญที่มีต่อธุรกิจในหลายด้าน เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว Workflow ของการทำงานมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ในการทำเว็บไซต์ การนำเสนอให้กับทั้งลูกค้า ผู้บริหาร และพนักงาน นี่จึงเป็นอีกวิธีพื้นฐานแต่ส่งผลในหลายมิติแบบไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ