การวางแผนวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เป็นองค์ประกอบสำคัญของ SEO ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดเขียนบล็อกหรือเป็นนักพัฒนากลยุทธ์ Content ให้กับ Agency ทำการตลาดออนไลน์ ทักษะในการหาคีย์เวิร์ดคุณภาพสูงมีความสำคัญในการนำพาคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ และขยายธุรกิจ

ในบทความนี้ เราได้รวบรวมเครื่องมือที่ใช้ทำ Keyword Research ที่ดีที่สุด 10 โปรแกรม ใช้งานได้ฟรี และเสียเงิน เพื่อช่วยให้คุณหาคอนเทนต์ตามลำดับความสำคัญ เห็นแนวโน้มธุรกิจ Keyword ที่ควรโฟกัสก่อนหลัง

10 โปรแกรมทำ Keyword Research ฟรี TOOLS ทำ SEO ที่ดีที่สุด

มาเริ่มกันที่โปรแกรมหา Keyword Research ที่ดีที่สุดจากเครื่องมือดังระดับโลกในวงการ SEO นอกจากการหาคีย์เวิร์ดแล้ว ยังมีประโยชน์ในการทำ SEO ได้อีกมากมาย ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับคนทำ SEO หรือบริษัทดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่

SEMrush

SEMrush เป็นเครื่องมือ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และมีผู้ใช้มากมายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง หรือธุรกิจสตาร์ทอัพต่างๆ เมื่อพูดถึงเครื่องมือในการค้นหาคีย์เวิร์ด Keyword Research ทุกคนจะนึกถึงเครื่องมือนี้เป็นอับดับแรกๆของโลก เพราะมีข้อมูลคีย์เวิร์ดมากถึง 25.4 พันล้านคีย์เวิร์ด เก็บข้อมูลจากใน 190 ประเทศ อัพเดทปี 2024 จะว่าคร่ำหวอดอยู่ในวงการนานเป็น 10 ปีก็ด้วย แต่เหตุผลสำคัญจริงๆ ก็เพราะ SEMrush เป็นเครื่องมือที่ทำอะไรได้หลายอย่างมากจริงๆ

จุดเด่น:

  • มีการประเมินเว็บไซต์แบบ Quick Analysis ให้เห็นถึงภาพรวม
  • Backlink Analysis มีความโดดเด่นในเรื่อง backlink database size, backlink reports and tools, and backlink auditing and building ที่เครื่องมือตัวอื่นไม่มีเทียบเท่า
  • ช่วยเว็บไซต์คุณเห็นว่าคู่แข่งติดอันดับด้วยคีย์เวิร์ดไหน เพื่อให้คุณวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ควรใช้ในการดึงอันดับของตัวเอง
  • นอกจากจะเป็นเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดแล้ว ยังสามารถติดตามอันดับของเว็บไซต์ เพื่อดูพัฒนาการคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์กำลังติดอันดับด้วยได้
  • สามารถเปรียบเทียบข้อมูลอันดับคีย์เวิร์ดเชิงลึกของเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ ทั้งใน Google Search, Google Ads และ Google Shopping ได้
  • สามารถดูประวัติของอันดับคีย์เวิร์ดย้อนหลังได้

ราคา SEMRush 2024 

SEMrush มีแพลนแบบจ่ายเงิน 4 แพลน ดังนี้ (Update 2024)

  • Pro – เริ่มต้นที่ $129.95 ต่อเดือน
  • Guru – เริ่มต้นที่ $249.95 ต่อเดือน
  • Business – เริ่มต้นที่ $499.95 ต่อเดือน
  • Enterprise – เป็นแบบ custom plan ได้โดยตรงกับ SEMrush

 

SEMrush มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้ ถ้าใช้แล้วโดนใจค่อยซื้อแพลนในแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง

Ahrefs

ทุกคนที่อยู่ในวงการ SEO ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งจะต้องคุ้นหูคุ้นตากับเครื่องมือที่มีชื่อโดดเด่นอย่าง Ahrefs (อ่านว่า เอเอชเรฟส์) เพราะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดติดอันดับต้นๆของโลก มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเครื่องมือแบบจ่ายเงินทั้งหมด เพราะมีข้อมูลคีย์เวิร์ดมากถึง 7.2 พันล้านคีย์เวิร์ด เก็บข้อมูลจากใน 243 ประเทศ ข้อมูลอัพเดท 2024 เครื่องมือ Keyword Research ได้รับความไว้วางใจจาก SEO Specialist เอเจนซี่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะมากเป็นพิเศษสำหรับคนทำคอนเทนต์

จุดเด่น:

  • คะแนนความยากของคีย์เวิร์ด หรือ Keyword Difficulty มีความเที่ยงตรงสูงมาก
  • นอกเหนือจากข้อมูลจำนวนเสริชต่อเดือน (Search Volume) เครื่องมือนี้ใช้การเก็บข้อมูลที่ไม่เหมือนใคร เพื่อเน้นนำเสนอข้อมูล Click Metrics ซึ่งเป็นตัวชี้วัดฉบับของ Ahrefs ให้เราดูประกอบการพิจารณาเลือกคีย์เวิร์ด
  • มีเครื่องมีที่ชื่อว่า Content Gap ช่วยวิเคราะห์ว่าเว็บของคุณ ยังสามารถทำคอนเทนต์ใดได้อีก เพื่อแข่งขันกับเว็บของคู่แข่ง
  • มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกับ SEMrush แต่ราคาถูกกว่า

ราคา ahrefs 2024

  • เริ่มต้นที่ $99 ต่อเดือน สำหรับแพลนแบบ Lite (ค้นเกิน 500 ครั้ง เก็บเพิ่มอีก $35 ต่อ 500 ครั้ง)
  • Standard – $199 ต่อเดือน
  • Advanced – $399 ต่อเดือน
  • เริ่มต้น $999 ต่อเดือน

 

Ahrefs มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้ ถ้าใช้แล้วโดนใจค่อยซื้อแพลนในแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง

Moz Keyword Explorer

บริษัทนี้เรียกได้ว่าคร่ำหวอดอยู่ในวงการ SEO มานานกว่าใครเพื่อน มีเครื่องไม้เครื่องมือเจ๋งๆ ที่ช่วยให้นักการตลาดที่ทำงานด้านนี้สะดวกสบายมากขึ้นมานักต่อนัก และเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดอย่างเจ้า Moz Keyword Explorer ก็เป็นหนึ่งในนั้น

หมายเหตุ: เครื่องมือนี้จะเน้นเฉพาะการค้นหาคีย์เวิร์ด Keyword Research แต่ไม่ได้มีฟีเจอร์ที่จะช่วยจัดการหรือติดตามคีย์เวิร์ดแบบเครื่องมือที่กล่าวไปข้างต้นอย่าง SEMrush และ Ahrefs

จุดเด่น:

  • นำเสนอข้อมูลเชิงลึกของคีย์เวิร์ดโดยเน้นที่คะแนน Organic CTR (Organic Click Through Rate) กับคะแนน Priority ที่เป็นการผสมผสานข้อมูลจำพวกอัตราการคลิก (CTR) คะแนนความยากของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficulty) และจำนวนคนเสริชต่อเดือน (Search Volume) เพื่อให้ได้ชุดคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจที่สุดออกมา
  • สามารถหาคีย์เวิร์ดผ่าน URL ของเว็บไซต์ได้ คล้ายๆ กับเครื่องมือสองอันก่อนหน้านี้
  • มีเครื่องมือ Keyword Suggestions พร้อมการ Filter ที่จะช่วยให้การค้นหาคีย์เวิร์ดทำได้สะดวกมากขึ้น
  • สามารถค้นหาฟรีได้ 10 ครั้งใน 1 เดือนสำหรับคนที่ใช้บัญชีแบบฟรี

ราคา Moz Keyword Explorer 2024

  • เริ่มต้นที่ $99 ต่อเดือน สำหรับแพลนแบบ Standard
  • Medium – $179 ต่อเดือน
  • Large – $299 ต่อเดือน
  • Premium – $599 ต่อเดือน

 

Moz Keyword Explorer มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้ 1 เดือนเต็ม

KWFinder

เครื่องมือนี้ก็เหมือนกับ Moz Keyword Explorer ตรงที่เน้นการค้นหาคีย์เวิร์ด Keyword Research โดยเฉพาะ ไม่ได้มีฟีเจอร์ในการดูแลหรือติดตามและพัฒนาการของอับดับใน Google แน่นอนว่าถ้าเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ ข้างต้น KW Finder ดูจะเป็นน้องใหม่ที่ตลาด ไม่ได้เก๋าเกม หรืออยู่มานานแบบใคร แต่ก็นับเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเครื่องมือที่ให้บริการนั้นดีจริง

จุดเด่น:

  • มีตัวเลือกให้หาแบบ Question-based Keyword Research เพื่อให้ง่ายต่อการหาคำถามที่ผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณสนใจจริงๆ
  • ง่ายต่อการหา Long Tail Keywords
  • หน้าตาของเว็บสามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน
  • สามารถใช้งานได้ฟรีได้ แต่จำกัดจำนวนครั้ง
  • ใช้งานได้ในราคาที่เอื้อมถึง

ราคา KWFinder 2024

  • Entry– $29 ต่อเดือน
  • Basic – $49 ต่อเดือน
  • Premium – $69 ต่อเดือน
  • Agency – $129 ต่อเดือน

 

KWFinder มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้นาน 10 วัน

โปรแกรมหา Keyword แบบฟรีที่ดีที่สุด

ต่อไปมาดูกันที่โปรแกรมหา Keyword Research แบบที่ใช้งานได้ฟรีกันดูบ้าง ของฟรีและมีคุณภาพมีอยู่จริงๆ แถมเครื่องมือบางอันในนี้ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจาก Google เอง ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือสูงมาก

Google Keyword Planner

การทำ SEM ต้องรู้จัก เครื่องมือนี้เป็นของ Google โดยตรงที่ผูกอยู่กับบัญชีการใช้งาน Google Ads (หรือที่เมื่อก่อนเรียกว่า Google Adwords) ทำให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ และก็เป็นเครื่องมือที่เหล่านักการตลาดออนไลน์ใช้กันมานานก่อนที่จะมี tools ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหวอย่างในปัจจุบันนี้

จุดเด่น:

  • เหมาะกับสำหรับคนที่เพิ่มเริ่มต้น ยังไม่มีงบที่จะลงทุนในเครื่องมือที่ Advanced เจ้าตัว Google Keyword Planner ถือเป็นเครื่องมือระดับ Advanced ที่เปิดให้ใช้ได้ฟรี
  • มีข้อมูลจำนวนการค้นหาต่อเดือนที่แม่นยำ (Search Volume)
  • สามารถใช้งานได้ฟรีได้ แต่การแสดง Search Volume ของบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ได้มีการสร้างและใช้งานแคมเปญ Ads อยู่จะแสดงผลเป็น Range แทนที่ตัวเลขแบบเป๊ะๆ

ราคา:

  • ฟรี

Google Trends

เครื่องมือนี้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือจาก Google โดยตรงที่ทุกคนสามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรี แน่นอนว่าพอมาจาก Google คะแนนความน่าเชื่อถือก็ได้ไปเต็ม ตามชื่อเครื่องมือเลยก็คือจะจำเพาะเหมาะสำหรับการดูเทรนด์ของการเสริชคีย์เวิร์ดหามากกว่าเครื่องมือแบบอื่นๆ Keyword Research ที่จะเป็นการเสริชแบบทั่วไปมากกว่า

จุดเด่น: 

  • เหมาะกับการค้นหาข้อมูลแบบเป็นคำๆ มากกว่าเป็นกรุ๊ป สามารถนำคำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดที่ต้องการมาเปรียบเทียบความนิยมกันได้ โดยคะแนนความนิยมจาก 1-100 (100 คือความนิยมสูงสุด)
  • สามารถค้นหาข้อมูลโดนเจาะลึกไปที่ภูมิภาค/เขตได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งสามารถเจาะลึกว่าเป็นการค้นหาผ่านอุปกรณ์อะไร
  • มีลักษณะเป็นกราฟแบบ Responsive เห็นภาพชัดเจน
  • แม้ Google Trends จะไม่มีข้อมูลจำพวก Keyword Difficulty หรือ CTR แบบเครื่องมืออื่นๆ แต่จะมีสรุปให้ด้วยว่า ณ ขณะนั้น คำเสริชอะไรที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่บน Google ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เครื่องมืออื่นไม่มี

ราคา:

  •  ฟรี

Answer the Public 

เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือดีๆ Keyword Research อีกหนึ่งอันที่เหมาะสำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดยาวหรือคีย์เวิร์ดแบบเป็นคำถาม (Long Tail Keywords) ได้ง่ายๆ จากการพิมพ์คีย์เวิร์ดแบบสั้นๆ ที่ต้องการลงไป

จุดเด่น:

  • เหมาะสำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดแบบยาว คีย์เวิร์ดเชิงคำถาม ตามภูมิภาค ประเทศ และภาษา
  • เหมาะสำหรับการค้นหาไอเดียกว้างๆ มากกว่าการค้นหาข้อมูลเชิงลึกแบบจริงจัง
  • แบบฟรีนั้นจะค้นหาได้วันละไม่เกิน 3 ครั้ง

ราคา:

  • ฟรี (แต่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการเสริช) อยากอัปเกรดเริ่มต้นที่ $99 บาท

KeywordTool.io

เครื่องมือหน้าตาใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เข้าไปหน้าเว็บก็สามารถเริ่มใช้งานได้เลย Find Keywords หน้าตาของข้อมูลที่ได้ออกมานั้นเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากข้อมูลของเครื่องมือ Keyword Research อย่าง Google Keyword Planner เลย

จุดเด่น:

  • เหมาะกับการค้นหาคีย์เวิร์ดแบบที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดนั้นๆ เยอะๆ
  • ใช้งานง่ายมาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น (ง่ายกว่า Google Keyword Planner)
  • เหมาะสำหรับใครที่อยากค้นหาข้อมูลคีย์เวิร์ด โดยแยกตามชนิดของเสริชเอนจิ้น เช่น Google, Bing, Yahoo, Youtube เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับใครที่อยากค้นหาข้อมูลคีย์เวิร์ด โดยแยกตามชนิดของแพลตฟอร์ม เช่น Amazon, App Store, Instagram เป็นต้น

ราคา:

  • ฟรี (แต่ก็ไม่ทั้งหมด) อยากอัปเกรดเริ่มต้นที่ $69 บาท

Ubersuggest

เว็บที่ไว้ใช้สำหรับวิเคราะห์คำ Keyword ต่างๆ เพื่อให้เรานำมาใช้จัดลำดับความสำคัญในการผลิตคอนเทนต์ และนำข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมาวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ เครื่องมือ Keyword Research นี้ สร้างโดย Neil Patel กูรู SEO ระดับโลก

 

Keyword Sheeter

Keyword Sheeter เป็นโปรแกรมหาคีย์เวิร์ดด้วยการดึงคำ autocomplete จาก Google วิธีการใช้งานก็แสนง่ายดาย ให้คุณป้อนคีย์เวิร์ดตั้งต้นหนึ่งรายการขึ้นไปแล้วคลิกปุ่ม “Sheet keywords.” ถือเป็นเครื่องมือ Keyword Research ที่มีประโยชน์

สรุป

ทั้งหมดเป็นโปรแกรมหา Keyword Research ที่คนใช้เยอะหรือนิยมใช้ในไทยและต่างประเทศ ใช้ประโยชน์ในการจัดลำดับความสำคัญในการสร้าง Content ดีๆ หรือ สินค้าและบริการ เผยแพร่สู่สาธารณะ โฟกัสคีย์เวิร์ดหลักของธุรกิจ คีย์เวิร์ดรอง นำคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมจัดทำหมวดหมู่ แยกประเภท Content ได้ดี หากอ่านถึงตรงนี้ ผู้อ่านยังไม่เข้าใจหรือไม่มีเวลาศึกษาและลองเล่นวิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้ ท่านสามารถให้เราเป็นพาร์ทเนอร์หรือผู้ช่วย ดูแลวิเคราะห์คีย์เวิร์ดให้กับธุรกิจเว็บไซต์ บริษัท SEO MASTER เรารับทำ SEO ครบวงจรครับ