เมื่อธุรกิจยุคใหม่ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์แบบเต็มตัว คอนเทนต์ที่น่าสนใจย่อมเพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่ปัจจัยสำคัญนอกจากการมีเนื้อหาที่ดีแล้ว การวางกรอบแนวทางที่ชัดเจนจะช่วยเพิ่มไอเดียในการทำงานลักษณะนี้ได้มากขึ้นแบบไม่ต้องกลัวทางตัน “Content Pillar” จึงเข้ามาเพิ่มบทบาทได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งหลายคนอาจกำลังสงสัยว่า Content Pillar คืออะไร? ขอพาไปเรียนรู้กลยุทธ์เด็ดสำหรับทำคอนเทนต์ให้เกิดผลลัพธ์ชั้นยอดกันเลย!

Content Pillar คืออะไร

Content Pillar คือ แนวทางการจัดระเบียบหมวดหมู่เนื้อหาต่าง ๆ ของคอนเทนต์ที่ธุรกิจต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้เกิดทิศทางที่ชัดเจน ตรงตามวัตถุประสงค์ ทำหน้าที่เป็นแกนหลักสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ทันทีว่าธุรกิจมีความเกี่ยวข้องกับสินค้า / บริการประเภทใด และยังช่วยให้เกิดความสะดวกเมื่อผู้เยี่ยมชมต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย

หากอธิบายแบบเข้าใจง่ายขึ้นก็พอบ่งบอกได้ว่า Content Pillar เสมือนกลยุทธ์ด้านการสื่อสารทางการตลาดประเภทหนึ่งผ่านรูปแบบของคอนเทนต์ที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ ภายใต้จุดประสงค์สำคัญเพื่อบอกกล่าวสิ่งที่ธุรกิจอยากให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ รวมถึงการนำเสนอเรื่องที่พวกเขาอยากรู้ให้สอดคล้องกัน เพิ่มโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้มากขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คนรู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้นกว่าเดิม

ข้อดีของการทำ Content Pillar

1. เว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแน่นอน

เมื่อคุณวางแผนสร้างคอนเทนต์ชัดเจน เช่น เว็บไซต์รับทำ SEO มีการวาง Content Pillar ด้วยการสร้างบทความเชิงเทคนิคต่าง ๆ ของการทำ SEO ขณะที่อีกมุมหนึ่งก็ทำบทความเชิงธุรกิจควบคู่ไปด้วย นั่นเท่ากับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจทำ SEO รวมถึงคนทำธุรกิจออนไลน์มีสิทธิ์จะเปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคตไม่ยากเลย

2. สร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้กับธุรกิจ

นอกจากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแล้ว คนทั่วไปที่เริ่มต้นสนใจกับเรื่องนั้น ๆ ก็มีโอกาสรู้จักแบรนด์ แม้ยังไม่เคยใช้บริการแต่ก็ผ่านตาและจดจำได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเดิมของเว็บไซต์รับทำ SEO คนที่เริ่มสนใจทำธุรกิจแต่ยังขาดความรู้ก็สามารถเข้ามาอ่านคอนเทนต์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือต่อยอดความคิดใด ๆ ก็ตาม นั่นหมายถึงพวกเขารู้จักแบรนด์เป็นที่เรียบร้อย

3. ช่วยดัน SEO ให้กับเว็บไซต์ได้จริง

สำหรับเว็บที่พยายามอย่างหนักในการทำ SEO เพื่อติดอันดับหน้าแรก เมื่อวางแผนชัดเจนว่าเนื้อหาที่จะสื่อออกไปเป็นเรื่องไหนบ้าง ย่อมต้องมีการค้นหา Keyword ที่เหมาะสมภายใต้ Search Volume ที่ตอบโจทย์ เมื่อมีคนค้นหาและกดเข้าเว็บไซต์คุณมากขึ้นเท่าไหร่ คะแนนของอันดับ SEO ก็เพิ่มสูงตามด้วยเท่านั้น และยังไม่รวมถึง Google Bot เวลาเข้ามาบนหน้าเว็บไซต์แล้วพบว่าเนื้อหาเว็บเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็ยิ่งช่วยให้การทำอันดับดีกว่าเดิมอีกหลายเท่า

4. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ

ข้อดีอีกเรื่องของการวางกลยุทธ์ Content Pillar ที่ดี ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้น่าประทับใจในสายตาของทุก ๆ คนที่พบเห็น เข้ามาอ่านเนื้อหา หรือค้นหาสิ่งที่พวกเขากำลังสงสัยได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งถ้าเป็น First Impression ด้วยแล้ว นั่นเท่ากับธุรกิจมีโอกาสได้รับประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง เช่น การเปลี่ยนเป็นลูกค้า การบอกต่อให้กับคนรู้จัก เป็นต้น

เทคนิคสร้าง Content Pillar ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

มาถึงหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมีศักยภาพโดยอาศัยกลยุทธ์การวาง Content Pillar จำเป็นต้องมีเทคนิคดี ๆ แล้วขับเคลื่อนเนื้อหาออกไปให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของแบรนด์ สามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้เลย

1. วางเป้าหมายให้ชัดเจนเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

ลำดับแรกคุณต้องรู้ว่าคอนเทนต์ที่จะสื่อไปยังกลุ่มเป้าหมายมีจุดประสงค์อะไรเพื่อจะได้รังสรรค์เนื้อหาให้สอดคล้องและเหมาะสมกับพวกเขา ซึ่งประเภทของหัวข้อที่ใช้สำหรับทำ Content Pillar ยังแบ่งออกได้ดังนี้

  • สร้าง Engagement เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับกลุ่มเป้าหมาย มียอดรับชม กดไลค์ กดแชร์ คอมเมนต์เยอะ เนื้อหาคอนเทนต์จึงมักเป็นปลายเปิดให้แสดงความรู้สึกความคิดเห็น เช่น การจัดแคมเปญให้ร่วมสนุกชิงรางวัล การเขียนคำคม หรือขอความคิดเห็นตามกระแสในช่วงเวลานั้น ๆ
  • สร้าง Brand Awareness เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักกับแบรนด์ของธุรกิจมากขึ้น คอนเทนต์มักมีความจริงจังแต่ยังแฝงตัวตนที่พยายามสื่อให้ทุกคนรับรู้และเชื่อถือ เช่น การบอกเล่าที่มา การเอ่ยถึงลูกค้าที่ใช้บริการจริง หรือแม้แต่การใช้ User-Generated Content ก็ทำได้เช่นกัน
  • สร้างยอดขาย Selling มีจุดประสงค์ชัดเจนในการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ เนื้อหาคอนเทนต์จัดอยู่ในกลุ่มนำเสนอสินค้า / บริการ เป็นหลัก หรืออาจมีโปรโมชั่น แคมเปญต่าง ๆ เข้ามาร่วมด้วยก็ได้เช่นกัน

2. เลือกลักษณะคอนเทนต์ให้เหมาะสม

เมื่อมีเป้าหมายที่จะสื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ก็ต้องเลือกลักษณะคอนเทนต์ให้สอดคล้องกันซึ่งสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

  • แนว Lifestyle บอกเล่าเรื่องราวทั่วไปที่ทุกคนเข้าถึงได้ เช่น แฟชั่น การท่องเที่ยว อาหาร สุขภาพ ฯลฯ
  • แนว Realtime เนื้อหาเน้นตามเทรนด์กระแสที่กำลังเกิดขึ้น หรือใช้พวกคำยอดฮิต วลีเด็ดเข้ามาเพิ่มเติม
  • แนว Education บอกเล่าเนื้อหาเชิงวิชาการหรือให้ความรู้กับผู้ที่เข้ามาอ่าน
  • แนว Seasoning ใช้เทศกาลต่าง ๆ มาสร้างคอนเทนต์ให้เกิดความน่าสนใจ

3. เลือกช่องทางการนำเสนอ

ท้ายที่สุดอย่าลืมเลือกช่องทางการลงคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบนหน้าเว็บไซต์ บนโซเชี่ยลมีเดีย เช่น Facebook, IG, TikTok, X (Twitter) ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็มีแนวทางและลักษณะคอนเทนต์ที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป

สรุป

การทำ Content Pillar เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมดึงกลุ่มเป้าหมายให้เข้าหาเพื่อเปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคต ดังนั้นหากรู้จักวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยสร้างผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจได้ไม่ยากเลย