KOL คืออะไร สำคัญกับการตลาดมากแค่ไหน

 

อีกหนึ่งคำศัพท์ที่นักการตลาดรู้ดีก็คือ KOL แต่สำหรับนักการตลาดหน้าใหม่ หรือนักธุรกิจที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วงการ และอยากทำความเข้าใจ ครั้งนี้ทางบทความก็ได้รวบรวมข้อมูลความรู้มาให้แล้วว่า KOL คืออะไร พร้อมทั้งยังได้นำข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของ KOL มาฝาก ดังนี้ 

 

KOL คืออะไร?

 

Key Opinion Leader หรือ KOL คือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางในด้านหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีอาชีพหรือทำงานในด้านนั้นด้วย ทำให้ KOL เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือในด้านนั้นๆ เมื่อใดก็ตามที่ KOL ออกมาพูดหรือให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่มีความเชี่ยวชาญนั้น ผู้คนที่ติดตาม KOL รายนั้นก็จะมีความเชื่อถือในข้อมูลนั้นอย่างมาก เพราะ KOL คือบุคคลที่น่าเชื่อถือในความรู้สึกของผู้ติดตาม 

 

เดิมที KOL มักอยู่ในสายงานที่ต้องอาศัยความรู้หรือความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง อย่างพวกสายงานด้านการแพทย์ สายงานด้านวิศวกรรม เป็นต้น แต่ปัจจุบัน KOL พบได้ในสายงานอื่นด้วย เช่น สายความงาม สายไลฟ์สไตล์ เป็นต้น 

 

ความสำคัญของ KOL คืออะไร

 

ความสำคัญของ KOL ในแง่ของการตลาด ถือว่ามีความสำคัญไม่มากก็น้อย การที่ธุรกิจเลือกทำการตลาดด้วย KOL Marketing หลักๆ เลยจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าหรือบริการ และไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ได้ด้วย โดยการเลือกใช้ KOL Marketing จะทำให้กลุ่มคนที่ติดตาม KOL รายนั้นๆ ได้รู้จักกับแบรนด์ เมื่อ KOL ได้กล่าวถึงแบรนด์ ทั้งยังถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าในอนาคตได้ เนื่องจากมีการติดตาม KOL รายนั้น ก็น่าจะเป็นผู้ที่สนใจในความรู้หรือข้อมูลด้านนั้นๆ ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับสินค้าหรือบริการที่ KOL กล่าวถึง

 

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย การที่มีช่างแต่งหน้าชื่อดังที่มีผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง เมื่อช่างแต่งหน้าคนนั้นมาพูดถึงเครื่องสำอาง ผู้ติดตามจำนวนนั้นก็มีแนวโน้มที่สนใจเครื่องสำอางด้วย เนื่องจากมีการติดตามหรือสนใจในตัวช่างแต่งหน้า และเมื่อช่างแต่งหน้าคนนั้นแนะนำเครื่องสำอางหนึ่งขึ้นมา ผู้ติดตามจำนวนหนึ่งย่อมสนใจและอยากซื้อตาม เพราะเชื่อว่าเครื่องสำอางชิ้นนั้นดี เพราะช่างแต่งหน้าซึ่งมีฐานะเป็น KOL ในเวลานั้น และมีความรู้เกี่ยวกับการแต่งหน้าในระดับเชี่ยวชาญมาแนะนำด้วยตัวเอง ทำให้เครื่องสำอางนั้นดูน่าเชื่อถือและน่าสนใจ

 

การเลือกใช้ KOL Marketing จะช่วยให้แบรนด์โดดเด่นขึ้นจากคู่แข่งในท้องตลาด ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและส่งเสริมภาพลักษณ์ให้น่าซื้อหรือน่าใช้งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวสินค้าก็ต้องมีคุณภาพจริง เพราะเชื่อว่าทางด้าน KOL เองก็ต้องรักษาชื่อเสียงในสายงานของตัวเอง และไม่รับงานแนะนำสินค้าสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างแน่นอน 

ความแตกต่างระหว่าง Influencer และ KOL คืออะไร

ทั้งนี้ยังมีส่วนหนึ่งเข้าใจผิดและสับสนระหว่าง Influencer และ KOL อยู่ เนื่องจากเป็นการใช้คนดังในแวดวงหนึ่งเพื่อนำเสนอสินค้าเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างอยู่ ย้อนกลับไปดูความหมายของ KOL คือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางในด้านหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีอาชีพหรือทำงานในด้านนั้นด้วย ส่วน Influencer คือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย แต่ Influencer อาจไม่ต้องทำอาชีพในด้านนั้นๆ ก็ได้ 

 

ยกตัวอย่างเช่น ดารานักแสดงชื่อดัง เมื่อถูกแบรนด์เลือกให้แนะนำเครื่องสำอาง แน่นอนว่านักแสดงคนนั้นมีอิทธิพลต่อความคิดและการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายที่สนใจเครื่องสำอางในระดับหนึ่ง และพร้อมที่จะซื้อตามคำแนะนำของนักแสดงคนนั้น แบบนี้นักแสดงแนะนำเครื่องสำอางในฐานะ Influencer เพราะนักแสดงไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้าหรือเครื่องสำอาง เพียงแต่อาศัยประสบการณ์ของตัวเองมาการันตีสินค้านั้น 

 

แต่ถ้าหากเลือกเป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังให้มาแนะนำเครื่องสำอาง จะกลายเป็น KOL เพราะมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแต่งหน้า หรือถ้าหากเลือกอาจารย์ที่สอนอยู่ในสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มาให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางแล้วมีการเชื่อมโยงกับแบรนด์ ก็เรียกว่า KOL เช่นกัน 

หลักการเลือก KOL คืออะไรบ้าง

1.เลือก KOL ที่มีสาขาอาชีพสอดคล้องกับสินค้า

 

ก่อนอื่นเลยสำหรับการเลือก KOL ควรเลือกคนที่ประกอบอาชีพเหมาะสมกับสินค้า อย่างเช่นการเลือก KOL สำหรับสินค้าที่เป็นยาสีฟัน ควรเลือกทันตแพทย์ ไม่ใช่หมอทั่วไป เพื่อให้ตอบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการทำ KOL Marketing แต่ถ้าหากต้องการทำ Influencer Marketing ก็อาจเปลี่ยนเป็นอาชีพอื่นได้

 

2.เลือก KOL ที่มีผู้ติดตามจำนวนเหมาะสม

 

การเลือก KOL ต้องคำนึงถึงจำนวนผู้ติดตามหรือชื่อเสียงของบุคคลนั้นด้วย แน่นอนว่าการทำการตลาดด้านนี้ก็มีต้นทุนการตลาด จึงควรเลือกผู้ที่มีจำนวนผู้ติดตามที่มีแนวโน้มว่าจะมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้ เหมาะสมกับต้นทุนที่จ่ายไป สำหรับตัวเลขผู้ติดตามที่เหมาะสมนั้นไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแผนการตลาดนั้นๆ ไม่จำเป็นต้องเยอะเสมอไป แต่ต้องสอดคล้องกับจำนวนเงินที่จ่ายในส่วนนี้ และคำนวณถึงผลที่คาดว่าจะได้รับกลับมา ต้องวิเคราะห์และประเมินให้ดี เพื่อผลลัพธ์ที่คำนวณออกมาแล้วได้กำไร หรือสามารถต่อยอดให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักได้อย่างเห็นผล

 

3.เลือก KOL ที่ไม่มีข่าวเสีย

 

แม้ว่า KOL จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ แต่บางบุคคลก็อาจมีข่าวเสียหายที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน อย่างเช่นศัลยแพทย์บางรายที่ถึงแม้จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง แต่ก็อาจเคยมีข่าวเสียเกี่ยวกับเคสที่ผิดพลาด หากเป็น KOL ที่มีคุณลักษณะแบบนั้นก็ควรหลีกเลี่ยง แม้แต่สายงานด้านวิศวกรรม หากต้องการทำการตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านโครงสร้าง แต่วิศวกรคนนั้นอาจเคยมีข่าวรับสินบนจากรัฐบาลก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ใช่การทำงานที่ผิดพลาด แต่ข่าวด้านลบแบบนี้ก็ทำให้แบรนด์เสียชื่อเสียงไปด้วยได้

 

KOL คือบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ทำให้การเลือกใช้ KOL มาทำการตลาดหรือโปรโมทสินค้าใดสินค้าหนึ่ง ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อย่างมาก อีกทั้งยังเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งถ้าหาก KOL ที่เลือกมามีผู้ติดตามมากเท่าไร ตัวสินค้าก็จะเป็นที่รู้จักกว้างมากขึ้นเท่านั้น แต่การเลือกใช้ KOL ก็ต้องอาศัยหลักการที่เหมาะสมด้วย เพื่อความคุ้มค่าในด้านการตลาด