การทำ SEO คืออะไร วิธีทำมีอะไรบ้าง 

 

การทำ SEO (Search Engine Optimization) คือสิ่งที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับการตลาดออนไลน์ เป็นเครื่องมือที่ส่งผลลัพธ์ระยะยาว หากทำแล้วมีประสิทธิภาพ เนื้อหาที่ทำจะติดหน้าแรกของเว็บ Search Engine ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสการขายให้กับธุรกิจด้วย

การทำ SEO คืออะไร?

 

การทำ SEO คือการทำเนื้อหาให้ติดหน้าแรกของเว็บ Search Engine ตามหลักการของการทำ SEO ที่อาศัย Keyword เป็นตัวช่วยหลักในการที่จะทำให้เนื้อหานั้นติดหน้าแรก หากติดหน้าแรกสำเร็จก็จะดีต่อธุรกิจ เพราะจะทำให้คนเข้าเว็บเยอะ ยิ่งคนเข้าเยอะเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการรับรู้และการขายให้สำเร็จขึ้น การทำ SEO จึงสำคัญต่อธุรกิจในแง่ของการส่งเสริมการขาย 

 

การทำ SEO มีกี่ประเภท?

1. SEO สายขาว (white hat seo)

คือการทำ SEO แบบธรรมชาติ ถ้าเรามี Content ที่ดี ก็จะมีเว็บไซต์อื่นอ้างอิงมีลิ้งค์เชื่อมมาหาเว็บเราเอง หลักการที่ว่า “Content is the king” ยังคงใช้ได้เสมอ

2. SEO สายดำ (black hat seo)

คือการทำ SEO ที่ไม่ถูกวิธี ผิดหลักธรรมชาติ เช่น การเข้าไปใส่ Link ในช่อง Comment ในหน้า Profile ต่างๆ ส่วนใหญ่พวกเว็บสีเทา ไม่ค่อยดีจะทำกันบ่อย เพราะไม่มีเว็บปกติจะพูดถึงเว็บเหล่านี้อยู่แล้ว

หลักการทำ SEO คืออะไร?

จากที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ว่าการทำ SEO คือการทำเนื้อหาให้ติดหน้าแรกของเว็บ Search Engine ตามหลักการของการทำ SEO หลายคนคงเกิดคำถามตรงนี้ว่า แล้วหลักการในการทำ SEO คืออะไรบ้าง ซึ่งจะขออธิบายเบื้องต้นในหัวข้อนี้

อ่านวิธีทำ SEO ในปี 2024 แบบละเอียด >> วิธีทำ SEO

 

1.ตัวช่วยสำคัญของการทำ SEO คือ Keyword 

 

หลักการแรกของการทำ SEO คือต้องใช้ Keyword เป็นตัวช่วย โดย Keyword ก็คือคำค้นหาบนอินเทอร์เน็ต เวลาคนเราจะค้นหาอะไร เราก็มักจะพิมพ์คำนั้นลงไปในเว็บ Search Engine (ยกตัวอย่างเช่น Google, Yahoo, Ask เป็นต้น) คำที่ถูกพิมพ์นั่นเองที่ถูกนำไปใช้เป็น Keyword ในการทำเนื้อหา (Content) บนออนไลน์ หากเราเขียนบทความที่อยากให้คนค้นหาแล้วเจอเรา เราก็ต้องเอาคำที่คนชอบ Search มากำหนดเป็น Keyword ของบทความที่เราจะเขียน ใส่ Keyword ลงไปในบทความนั้น คนจะได้ค้นหาแล้วมาเจอเนื้อหาของเรา

 

2.การทำ SEO ต้องใส่ Keyword ให้เหมาะสม

 

เมื่อรู้แล้วว่าต้องใช้ Keyword ต่อมาก็คือต้องใช้ให้เหมาะสมด้วย เพื่อให้เว็บ Search Engine ทำการตรวจจับหา Keyword ในบทความนั้น หากตอนเขียนบทความมีการใช้ Keyword ที่เหมาะสม เว็บ Search Engine ก็จะหา Keyword ของบทความนั้นเจอ เมื่อเจอแล้วพอมีคนมาค้นหาด้วยคำนั้น ก็มีโอกาสที่บทความนั้นจะถูกแสดงขึ้นอันดับต้นๆ หรือแสดงในหน้าแรกของเว็บ Search Engine  

 

แต่สิ่งที่ต้องระวังคืออย่าใส่ Keyword เยอะเกินไป โดยเฉพาะการพยายามยัด Keyword โดยไม่ได้ใจความ หากใส่เยอะเกิน เว็บ Search Engine อาจแบนบทความนั้นได้ เพราะมองว่าเป็นสแปม ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ไม่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน และไม่ใช่จุดประสงค์ที่เว็บ Search Engine ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะเว็บ Search Engine จะพยายามนำเสนอเนื้อหาที่มีประโยชน์เท่านั้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการ Search 

แต่การใส่ Keyword น้อยเกินไป เว็บ Search Engine ก็จะหา Keyword ในบทความนั้นไม่เจอ และไม่ดันให้ติดหน้าแรกเช่นกัน ดังนั้นต้องใส่ Keyword ให้เหมาะสม ไม่พยายามยัดเยียดจนเกิดความซ้ำซ้อนและวกวน ต้องเป็นบทความที่มีเนื้อหา จับใจความได้จริง โดยอัตราที่เหมาะสมคือควรมี Keyword 1-2% ในบทความ เช่น บทความยาว 1,000 คำ ก็ควรใส่ Keyword ลงไปประมาณ 10-20 คำ ไม่ควรน้อยกว่านี้ และไม่ควรเยอะกว่านี้ 

 

3.ใส่ Keyword ลงไปใน Headline 

 

การทำ SEO ที่ดีอีกหนึ่งอย่างนอกจากจะใช้ Keyword ในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว การเน้นย้ำก็สำคัญ เพื่อให้เว็บ Search Engine ตรวจจับได้ว่าคำนั้นคือ Keyword ของเนื้อหา โดยในการเน้นย้ำที่ได้ผลในการทำ SEO ก็คือการใส่ลงใน Headline โดยเฉพาะ Headline 1 ซึ่งก็คือหัวข้อของบทความ ถัดมาในส่วนของหัวข้อย่อยต่างๆ แยกเป็น Headline 2 Headline 3 Headline 4 หรืออาจมากกว่านั้น หากมี Keyword อยู่ในทุกๆ Headline เว็บ Search Engine ก็จะตรวจจับ Keyword ได้ง่ายขึ้น 

 

4.ใส่ใจกับ Page Speed 

 

Page Speed คือความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ สำหรับการทำ SEO ก็ต้องใส่ใจเรื่องนี้ เพราะถ้าหากเว็บโหลดช้า คนเข้ามาไม่ยอมรอโหลดแล้วกดออกจากเว็บบ่อยๆ จะถูกเว็บ Search Engine หักคะแนนไปเรื่อยๆ ยิ่งคนกดออกจากเว็บ (ภายในเวลาอันสั้น) เยอะเท่าไร หน้าเว็บก็ถูกลดโอกาสในการติดอันดับต้นๆ หรือติดหน้าแรกให้เหลือน้อยลงไปเท่านั้น 

การที่จะทำให้เว็บโหลดเร็ว อย่างแรกเลยที่ปรับได้ง่ายที่สุด คือการลดขนาดไฟล์ต่างๆ ในบทความให้เล็กที่สุด เช่น ภาพประกอบบทความ หากไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่ หน้าเว็บก็จะโหลดช้า ควรทำการลดขนาดไฟล์ก่อนแล้วค่อยนำมาแทรกในบทความ ไฟล์ภาพควรมีขนาดน้อยกว่า 1 MB จะดีที่สุด แต่ส่วนอื่นๆ ก็คือการปรับโครงสร้างเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเรื่องของเทคนิคที่ต้องอาศัยนักพัฒนาเว็บไซต์ช่วยปรับแก้

 

5.Slug ต้องมี Keyword 

 

อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญกับการทำ SEO  คือ Slug จึงควรใส่ Keyword ลงไปใน Slug ท้าย URL หลัก หลังเครื่องหมาย / ตามนี้ www.(ชื่อเว็บไซต์).com/(keyword

 

การทำ SEO คือความสำคัญต่อการสื่อสารทางออนไลน์ หากติดหน้าแรกของเว็บ Search โอกาสที่คนจะเข้ามาในเว็บไซต์ก็เยอะขึ้น เปรียบเสมือนการพาคนเข้ามาในร้าน เมื่อมีคนเข้ามาในร้านเยอะ โอกาสที่จะขายได้ก็สูงขึ้นด้วย ที่สำคัญการทำ SEO ไม่ต้องใช้งบซื้อโฆษณาและยังส่งผลลัพธ์ในระยะยาว หากติดหน้าแรกแล้ว ก็จะติดอันดับไปเป็นเวลานาน จนกว่าจะมีใครเข้ามาทำ SEO แข่งใน Keyword เดียวกัน และมีประสิทธิภาพมากกว่าก็อาจดันให้เนื้อหาของเราตกอันดับได้