หากคุณกำลังทำธุรกิจหรือพึ่งเข้าสู่แวดวงการตลาดเชื่อเหลือเกินว่าคำศัพท์ 2 คำ ที่มีความใกล้เคียงกันมากแถมคนส่วนใหญ่ยังมักเข้าใจว่ามีความหมายลักษณะเดียวกันต้องยกให้กับ “Retargeting” และ “Remarketing” ซึ่งในความเป็นจริงจะแตกต่างกันมากขนาดไหน แล้วสามารถใช้งานร่วมกันได้มากน้อยเพียงใด ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักเพื่อประโยชน์สำหรับวางแผนธุรกิจของตนเองในอนาคตกันเลย
Retargeting คืออะไร
Retargeting คือ การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบโฆษณาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเปลี่ยนเป็นลูกค้าให้ได้มากที่สุดโดยอาศัยข้อมูลจาก Cookies ซึ่งบันทึกรายละเอียดของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไว้ เช่น การ Search Keyword ต่าง ๆ การเข้าไปเยี่ยมชมเว็บ ระยะเวลาที่อยู่บนเว็บ ฯลฯ จากนั้นก็ทำโฆษณาพุ่งเป้าไปยังบุคคลกลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะเพื่อให้พวกเขาเห็นสินค้า / บริการของธุรกิจอีกครั้ง และเมื่อพวกเขาเห็นอย่างต่อเนื่องจนเกิดอารมณ์คล้อยตามนั่นเท่ากับแบรนด์เข้าไปนั่งอยู่ในใจได้สำเร็จ กระตุ้นความรู้สึกให้อยากซื้อมากขึ้นเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นลูกค้า ยิ่งถ้าซื้อแล้วประทับใจจากลูกค้าทั่วไปก็พร้อมเปลี่ยนเป็น Brand Loyalty ไม่ยากเลย
Remarketing คืออะไร
Remarketing คือ ลักษณะทำการตลาดซ้ำไปยังกลุ่มบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย หรือเป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว เพื่อให้พวกเขาขยับระดับของตนเองขึ้นมาอีกขั้น เช่น จากคนทั่วไปสู่กลุ่มเป้าหมาย หรือจากกลุ่มเป้าหมายสู่ลูกค้า อาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดหลายวิธี เช่น การยิง Ads การทำ Email Marketing การทำ Banner ฯลฯ ซึ่งกลุ่มคนที่ธุรกิจจะ Remarketing มักถูกบันทึกข้อมูลเอาไว้เบื้องต้น เช่น คนที่เข้ามาเยี่ยมเว็บไซต์ คนที่กดสั่งของลงตะกร้าสินค้าแต่ไม่ได้ชำระเงิน เป็นต้น
สรุปแล้ว Retargeting VS Remarketing ต่างกันยังไง?
จากที่ได้อธิบาย 2 คำนี้ ลึก ๆ แล้วก็มีความใกล้เคียงกันมาก จุดประสงค์หลักของทั้งการทำ Retargeting และ Remarketing เพื่อต้องการให้คนที่พบเห็นตัดสินใจซื้อสินค้า / บริการของธุรกิจเร็วขึ้น กระตุ้นความต้องการเพื่อสร้างยอดขาย เพิ่มผลกำไร แต่ความแตกต่างก็มีอยู่เช่นกัน
การทำ Remarketing จะต้องอาศัยวิธีเก็บข้อมูลบางส่วนจากบุคคลที่เริ่มให้ความสนใจ เช่น จำนวนคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์นาน ๆ การกดสั่งซื้อสินค้าค้างไว้ในตะกร้า ฯลฯ เพื่อคัดเลือกบุคคลที่จะมีโอกาสเป็นลูกค้า เมื่อพวกเขาสนใจมาก ก็ต้องใช้กลยุทธ์ที่ถนัดผ่านทุกช่องทางจนพิชิตใจและเลือกซื้อสินค้า / บริการในที่สุด
ขณะที่ Retargeting ต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกบันทึกโดย Cookies เช่น พฤติกรรมการ Search Keyword ระยะเวลาในการอยู่บนหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ จากนั้นก็สามารถทำโฆษณาย้ำเรื่อย ๆ ผ่านทุกช่องทางที่คนกลุ่มดังกล่าวใช้งาน เช่น ทำแบนเนอร์ ทำ Google Search Ads จนไม่ใช่แค่การซื้อแต่มีโอกาสพัฒนาสู่ Brand Loyalty ในอนาคตอันใกล้
ด้วยเหตุนี้จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกธุรกิจจะต้องทำการตลาด 2 วิธีนี้ควบคู่กันเสมอ เช่น อาจเริ่มจาก Remarketing เพื่อให้ได้คนที่ใกล้จะเป็นลูกค้าเต็มที จากนั้นก็ Retargeting ต่อ เพื่อกระตุ้นให้เขาเปลี่ยนเป็นลูกค้าจนก้าวสู่การเป็นลูกค้าผู้ภักดี บอกต่อคนอื่นและยังคงซื้อสินค้า / บริการของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์ของการทำ Retargeting และ Remarketing
1. สร้างการรับรู้ของแบรนด์ในวงกว้าง
ธุรกิจจะไปรอดหรือไม่ นอกจากสินค้า / บริการมีคุณภาพดีแล้ว ต้องพยายามสร้างการรับรู้ให้เข้าถึงผู้คนมากที่สุด เสมือนการขยายชื่อเสียงไปเรื่อย ๆ ดังนั้นวิธีที่มักช่วยให้เกิดผลลัพธ์น่าพึงพอใจสูงสุดจึงต้องอาศัยทั้งการทำ Retargeting และ Remarketing เมื่อคนรู้จักเยอะ ย่อมเป็นเรื่องดีมากกว่าคนไม่รู้จักแน่นอน
2. รับ Feedback เพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
การใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ ทางการตลาดไม่ใช่แค่เป้าหมายด้านยอดขายเท่านั้น แต่คุณยังจะได้รับ Feedback กลับมาอู่เสมอ ซึ่งตรงจุดนี้เองจะเป็นผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตและเดินหน้าต่อภายใต้ทิศทางที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น เช่น ลูกค้ากดสั่งสินค้าในตะกร้าแล้วแต่ไม่ซื้อ เพราะระบบยุ่งยาก ชำระเงินได้ไม่กี่ช่องทาง ฯลฯ หากคุณพัฒนาจุดนี้ได้ลูกค้าย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติ
3. แย่งลูกค้ามาจากคู่แข่ง
แม้อาจดูโหดร้ายแต่โลกของธุรกิจก็ต้องเป็นแบบนี้ ยิ่งคุณพยายามโฆษณาย้ำเตือนผู้คนมากเท่าไหร่ ความคุ้นชินมักทำให้เกิดการเปลี่ยนใจได้เสมอ เช่น ค้นหาคำว่า “อาหารคลีน” แล้วคนเจอแบรนด์คุณอยู่ตลอดไม่ว่าจะคลิกเข้าเว็บไหนก็ตาม สักพักพวกเขาจะจดจำได้และอยากลองใช้งาน หากลองแล้วชอบ ประทับใจ การแย่งลูกค้ามาจากคู่แข่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
4. ทำอันดับ SEO ให้ดียิ่งขึ้น
หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าเมื่อคุณมีคนเข้ามาเยี่ยมและอยู่บนเว็บไซต์นาน ๆ นอกจากเพิ่มโอกาสปิดการขาย ยังมีผลดีต่อการทำ SEO อีกด้วย เพราะทาง Google มองว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพทำให้คนเข้าไปกดดูเยอะ คะแนนการทำอันดับเพิ่ม การติดหน้าแรกยาว ๆ กลายเป็นผลดีต่อเนื่องทั้งเรื่องยอดขายและการทำการตลาด
สรุป
การทำ Retargeting และ Remarketing มีจุดประสงค์ในลักษณะเดียวกัน แถมวิธีที่ใช้ทำก็แทบไม่ต่างกันด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับเรื่องของช่วงเวลาและข้อมูลที่มีอยู่ในมือ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจไหนที่กำลังพยายามอย่างหนักในการดึงลูกค้าเข้ามาหาก็ต้องอาศัยความรอบคอบ วางแผนการตลาดให้ชัดเจน ไล่เรียงขั้นตอนให้ถูกต้องเหมาะสม โอกาสที่ผลลัพธ์จะออกมาตรงตามความคาดหวังของตนเองก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน