40 คำศัพท์ SEO ที่ต้องรู้ อธิบายละเอียด (อัพเดท ปี 2024)

คำศัพท์พื้นฐาน SEO มีอะไรบ้างที่ควรรู้ การทำ SEO ที่ถูกต้อง ถูกวิธี เริ่มทำ SEO เหมาะกับมือใหม่ เรียนรู้คำศัพท์ A-Z SEO , SEO Terms and Definitions เหล่านี้กันครับ เป็น SEO Basic ที่สำคัญและมีประโยชน์ คอนเทนต์ใหม่ล่าสุด อ่านฟรี

1. SEO

SEO ย่อมาจากคำว่า Search engine optimization คือ ระบบการจัดอันดับ จัดสรรข้อมูลที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลด้วยคำค้นบน Search Engine และแสดงผลการค้นหา หรือผลลัพธ์ ออกมาให้เหมาะสมที่สุดกับเจตนาในการค้นหาของผู้ใช้งาน (Search Intent) เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับเหล่าผู้ใช้งานนั่นเอง

การทำ SEO จึงเป็นกระบวนการที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับลงในดัชนี (Indexed) และคำค้นหานั้นๆ (Keyword) ที่ต้องการให้ไปปรากฎอยู่ในหน้าแรกของ Search engine เช่น Google, Bing, Yandex เพื่อแสดงข้อมูลสินค้า บริการ หรือสิ่งที่เราต้องการให้ผู้ใช้งานพบเจอ ให้เห็นในหน้าแรกและคลิกเข้าเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด อ่านเพิ่มเติม SEO คืออะไร

2. Algorithms

Algorithms นั้นก็คือกระบวนการที่ใช้จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่เราได้มา เพื่อแก้ปัญหาอะไรบางอย่าง ซึ่งในมุมของ SEO ก็จะหมายถึงตัวที่ช่วยจัดการข้อมูลและแสดงผลการค้นหา ซึ่ง Google ก็จะมี Algorithms ของตัวเอง ที่ใช้จัดอันดับว่าเว็บไซต์ไหนจะขึ้นมาในอันดับที่เท่าไหร่ เวลาค้นหาข้อมูล ซึ่ง Google ก็จะมีการอัปเดตเจ้าตัว Algorithms นี้ค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียว เรียกได้ว่ามีการจัดเปลี่ยนอันดับกันทุกวัน แต่ว่าจะมีการอัปเดตใหญ่ๆ ปีละ 3-4 ครั้ง

3. Keyword

Keyword คือคำค้นหาใน Search engine เช่น เมื่อเราคนหาสิ่งใดบน google ก็ตามแล้วพิมพ์คำว่า “วิธีทำ SEO” แล้วกดค้นหา Search engine จะแสดงผลการค้นหา “วิธีทำ SEO” สิ่งนี้เราจะเรียกว่าคีย์เวิร์ด (Keyword)

4. SERPs

SERPs ย่อมาจาก Search engine results page แปลภาษาชาวบ้านๆ ก็คือ หน้าการแสดงผลบนของ Google ที่แสดงผลลัพท์เวลาที่เราค้นหาข้อมูลแต่ละครั้ง ซึ่งจะมีองค์ประกอบต่างๆ ในหน้านั้นด้วย เช่น ช่องใส่คำค้นหา ชื่อของเว็บไซต์ คำอธิบาย รายละเอียดของเว็บแต่ละเว็บไซต์ วันที่ ที่อยู่ของเว็บไซต์ หรือประเภทของการแสดงผล (SERPs Featured)

ส่วนรายละเอียดการแสดงผลประเภทต่างๆ เราจะเรียกว่า Rich snippets เช่น บทความรีวิว (Review & Article) รูปภาพ (Image pack) วีดีโอ (Video featured) หรือแม้แต่สินค้า (Product) สรุปว่า SERPs คือหน้าแสดงผลการจัดอันดับเว็บบน หน้า Google นั่นเองครับ

5. BERT

BERT ย่อมาจาก Bidirectional encoder representations from transformer หมายถึง Google algorithm หรือ AI ของกูเกิ้ลนั่นเอง BERT ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยี AI nerual network ทำให้เข้าใจระบบภาษาของมนุษย์มากขึ้น โดยมีนักพัฒนาทั่วโลกร่วมกันเข้ามาพัฒนาระบบ Algorithm นี้

ตัวอย่างเช่น ถ้าคนถามว่า “โรงพยาบาลใกล้ที่สุด” Google จะไม่บอกออกมาเป็นรายชื่อโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว แต่จะเลือกแสดงผลลัพท์เป็นแผนที่ Google Map เป็นอันดับแรก เพราะกูเกิ้ลเข้าใจบริบทของคนที่ค้นหาคำนี้ว่าพวกเขาต้องการไปโรงพยาบาลใกล้ที่สุด

6. On-page SEO

On-page SEO คือ การทำปัจจัยให้สอดคล้องแก่การจัดอันดับ SEO บนหน้าเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการทำ On-page SEO สามารถทำได้ง่าย เพราะเป็นพื้นฐานการทำ SEO บนหน้าเว็บไซต์เราเอง

โดยใช้ปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้ผลลัพท์ของการทำออกมาดี เช่น การวางโครงสร้างเว็บไซต์ (Site structure) เนื้อหาที่ดี ปรับความเร็วหน้าเว็บไซต์ ขนาดตัวหนังสือ คำอธิบาย ลิงก์ต่างๆ บนเว็บไซต์ (Internal link, External link) ที่ทำให้ google เข้าใจสิ่งที่เราต้องการบอกได้ง่ายขึ้น

7. Off-page SEO

Off-page SEO คือ การทำปัจจัย SEO นอกเว็บไซต์ของเรา เช่น การสร้างลิงก์ต่างๆ ให้ส่งมายังเว็บไซต์ของเรา การทำเนื้อหาภายนอกเว็บไซต์อย่างมีคุณภาพ ให้ผู้อ่านติดตาม และมาอ่านต่อบนเว็บไซต์ของคุณ การทำ Backlink ให้ส่งคุณค่า คะแนนอันดับ ส่งกลับมายังเว็บไซต์เรา หรือการทำ Local SEO ที่อ้างอิงโดยใช้การค้นหาตามพื้นที่นั้นๆ

8. Backlink

Backlink คือ การที่เว็บไซต์อื่นส่งลิงก์มาหาเว็บไซต์เรา (External link จากเว็บอื่น) ซึ่ง Backlink เป็นปัจจัยที่สำคัญของ google ในการให้คะแนนการจัดอันดับบนหน้าค้นหา หากเราทำแบบมีคุณภาพก็จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและการจัดอันดับเว็บไซต์ อ่านเพิ่มเติม Backlink คืออะไร

9. Title Tags

Title Tags คือ ชื่อของเว็บไซต์ในแต่ละหน้าเป็นจุดที่สำคัญมาก เพราะถ้าคุณไม่มีชื่อเว็บไซต์ระบุไว้ ระบบแสดงผลของ SERPs ที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็จะไม่เข้าใจส่งผลต่อการจัดอันดับ หรือไม่ได้รับการจัดอันดับเพราะ google bot ไม่เข้าใจว่าเราทำเรื่องเกี่ยวกับอะไร

10. Alt Tag (Alt Text)

Alt Attribute เรียกสั้นๆ ว่า Alt tag คือ ข้อความ “แทนที่” หรือข้อความที่มีไว้สำหรับใส่เพื่ออธิบายในรูปภาพ (Image title) มีประโยชน์ต่อการค้นหา ช่วยให้ Google bot เข้าใจว่ารูปของเราคือรูปอะไร และผู้เข้าชมเว็บไซต์ก็จะเห็นชื่อไฟล์ภาพด้วย การใส่ชื่อภาพต้องสอดคล้องกับภาพเสมอ ไม่ใช่ว่าใส่รูป “แมว” ลงไป แต่ดันใส่ชื่อภาพว่า “ขนมปัง” แบบนี้ผิด

ส่วน Alt Text (Alternative text) คือ คำอธิบายรูปภาพที่แทรกอยู่ในหน้าของเว็บไซต์เรา แต่จะไม่แสดงให้เห็นบนหน้าเว็บ ไว้สำหรับอธิบายให้ Google bot เข้าใจว่ารูปเรานั้นคือรูปอะไร และยังช่วยสนับสนุนให้หน้าเว็บเราเป็นมิตรกับ SEO มากขึ้นด้วยครับ

11. Meta Tags

Meta tags คือ Metadata หรือส่วนของ Coding ที่อยู่บนส่วนหัวของเว็บไซต์ เมื่อเราเปิดหน้าเว็บขึ้นมาส่วนของหัวเว็บไซต์จะถูกประมวลผลอันดับแรก Meta Tags จึงเป็นส่วนที่บอกลักษณะหลายอย่างบนเว็บไซต์เรา โดยแบ่งได้ดังนี้

  • Page title – บอกหัวข้อของหน้าเว็บไซต์ชื่อว่าอะไร
  • Header – ส่วนที่ไว้สำหรับบอกระบบว่ามันคือ “หัวข้อของเรื่อง” เพื่อจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งสัมพันธ์กับการจัดวางบทความ เนื้อหาบนเว็บไซต์ทั้งหมด
  • Description – คำอธิบายบอกรายละเอียดของหน้าเว็บไซต์ที่แสดงผล ควรเขียนให้สัมพันธ์กับเนื้อหาของหน้าและหัวข้อ
  • Language – บอกว่าหน้าเว็บไซต์ ใช้ภาษาอะไร
  • Keyword – ใช้ระบุคำค้นหา ที่เข้ากันกับเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ สามารถใส่ได้หลายคำ
  • Content type – ใช้บอกว่าหน้าเว็บไซต์นั้นมีเนื้อหาประเภทใดอยู่บ้าง เช่น รูปภาพ ข้อความ ไฟล์เสียง วีดีโอ
  • Revisit-after – ใช้บอก Robot ของ Search Engine ว่าให้มาเก็บข้อมูล
  • Robots – ใช้บอก Robot ให้เก็บข้อมูลหน้านั้น นำไปจัดในดัชนี (Index) หรือไม่ หรือไม่ต้องจัดอันดับ (Noindex)

12. Meta Description

คำอธิบายที่ใช้ Code HTML อธิบายว่าหน้าเว็บไซต์นั้นๆ เกี่ยวข้องกับอะไร โดย Google จะนำตัว Meta description นี้มาแสดงผลเวลาเราค้นหาข้อมูล (SERPs) ถ้าเขียนระบบส่วนนี้ได้น่าสนใจ จะช่วยให้คนคลิกเข้ามาเว็บไซต์เราได้มากขึ้น

13. E-E-A-T

สิ่งที่ Google นำมาเป็นตัวประเมินและวัดคุณภาพของเนื้อหาในแต่ละเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพสูงแค่ไหน กล่าวคือ ไว้เป็นหลักยึดถือสำหรับปรับปรุงและสร้างเนื้อหา เพื่อจัดอันดับของหน้าเว็บไซต์ที่ต้องถูกใจ Google ข้อมูลที่เป็นจริงและส่งผลให้ถูกใจผู้ใช้งาน ดังนี้

  • Experience – ประสบการณ์จริงจากผู้ถ่ายทอดข้อมูล ที่เป็นผู้มีประสบการณ์ ได้สัมผัสและเป็นผู้ทำสิ่งนั้นจริงๆ
  • Expertise – ความเชี่ยวชาญในเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง เช่น หมอ รู้เรื่องสุขภาพ วิธีใช้ยา ข้อดี ข้อเสีย
  • Authority – ความมีชื่อเสียง เช่น หนังเรื่องคนเหล็กต้อง อาโนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์แสดงเป็นพระเอก
  • Trustworthiness ความน่าเชื่อถือ เช่น หน้าร้าน ธุรกิจ มีที่อยู่จริงติดต่อได้ มีสถานที่จริง

อ่านเพิ่มเติมเรื่อง E-E-A-T

14. Link Building

สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อทำเว็บไซต์ Link building คือ การสร้างลิงก์ต่างๆ ภายในเว็บไซต์ของเราเอง เพื่อสร้างความเชื่อมโยงให้ข้อมูล หรือหมวดหมู่ของเนื้อหาภายในเว็บไซต์เรา เพื่อให้ google เข้าใจข้อมูลทั้งหมดบนเว็บไซต์ของเราเอง และเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

15. Crawling

Crawling คือ กระบวนการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยมี Search engine เป็นตัวค้นหา ซึ่ง Google จะส่ง Bot กระจายออกไปสำรวจและเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ทั่วโลก

16. Indexed

Indexed คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ หลังจาก Google bot ไปสำรวจข้อมูลมาแล้ว เพื่อนำทำดัชนี จัดอันดับ และตรวจสอบไม่ใช่เฉพาะคีย์เวิร์ด (Keyword) แต่รวมทั้งหน้าเว็บไซต์ เพื่อดูว่าหน้าใดบ้างที่มีเนื้อหาแบบใด ซ้ำกันหรือไม่ ช้าหรือเร็ว Google จะเป็นคนเลือกนำมาจัดอันดับและแยกประเภทให้เอง

17. Ranking

กระบวนการสุดท้ายที่นำข้อมูลที่ได้มารวบรวม เพื่อมาจัดอันดับและแสดงผล โดยมีหลายปัจจัยและมีความซับซ้อนมาก เช่น ถ้าคุณหาคำว่า “ข้าวกระเพาไก่” ระบบจะไปค้นหาคำตอบที่ดีที่สุดไม่ใช่เพียงแค่ภาพ หรือข้อความ แต่รวมถึง “วิธีทำข้าวกระเพาไก่” หรือแผนที่ร้านอาหารที่มีข้าวกระเพาไก่ขาย

ซึ่ง Google จะเลือกขึ้นมาแสดงผล ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและเจตนาในการค้นหาของผู้ใช้งานส่วนใหญ่ โดยเรียนรู้และเลือกนำมาแสดงด้วยระบบอัลกอริทึม (Google algorithm)

18. Site Structure

องค์ประกอบสำคัญของการทำ SEO เหมือนการสร้างบ้านที่ต้องเขียนแบบบ้านวางแผนก่อนสร้าง ในการทำ SEO ก็เพื่อให้ Google bot เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของเรา และค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์เราได้อย่างรวดเร็ว อารมณ์แบบสร้างบ้านเสร็จแล้วก็มีที่อยู่ เลขที่บ้าน ทางเข้าบ้านที่เข้าง่ายออกง่าย

19. Sitemap

Sitemap เป็นเหมือนป้ายนำทาง หรือสารบัญที่ช่วยให้ Google bot ค้นหาเว็บไซต์เราง่ายขึ้น การทำ Sitemap เหมือนเป็นการสร้างป้ายบอกว่าจุดนี้คือแหล่งรวบรวมลิงก์ รูปภาพ หน้าเว็บทั้งหมดบนเว็บไซต์ของเรา และแสดงผลในรูปแบบของสารบัญ เพื่อให้ Google เข้ามาสำรวจข้อมูลจากหน้าเว็บได้สะดวก และเข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ อ่านเพิ่มเรื่อง Sitemap

20. Dofollow

Dofollow คือ ลิงก์ที่โยงไปยังเว็บไซต์อื่น โดยให้คุณค่า ซึ่งเว็บไซต์ที่ได้รับคุณค่าจะได้รับคะแนน SEO จากเว็บไซต์เราไปด้วย (เสมือนว่าเว็บไซต์นั้นได้รับการโหวต)

21. Nofollow

No Follow Link คืออะไรที่ตรงข้ามกับ Do Follow Link เพราะมันคือการทำลิงก์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น โดยไม่ส่งต่อคะแนน SEO ไปยังเว็บไซต์ปลายทางจะได้เพียง Traffic เท่านั้น

22. Keyword Difficulty

Keyword Difficulty คือ ค่าความยากของคีย์เวิร์ดนั้นๆ เราใช้ค่านี้พิจารณาเพื่อวางแผนว่าควรนำไปใช้ในการทำ SEO หรือ SEM กับธุรกิจ สินค้าบริการของเราหรือไม่ เพื่อประโยชน์ต่อการแข่งขันทางธุรกิจ

23. Seed Keyword

Seed Keyword คือคีย์เวิร์ดที่สะท้อนถึงลักษณะตัวสินค้า เป็นคำกว้างๆ แบบไม่เจาะจง เช่น รองเท้า แว่นตา นาฬิกา เข็มขัด กระเป๋า

24. Niche Keyword

Niche Keyword คือ คำที่มีรายละเอียด การขยายความมากกว่า Seed Keyword แต่ยังมีลักษณะของคำที่เจาะจง ตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ดคำว่า“รองเท้าผ้าใบ” Niche Keyword คือคำว่า “รองเท้าผ้าใบสีขาว” หรือ “รองเท้าผ้าใบAdidas”

25. Long-tail Keyword

คือคีย์เวิร์ดชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเจาะจงมากกว่าการค้นหาแบบปกติ ตัวอย่างเช่น เราค้นหาคำว่า “รองเท้าผ้าใบ” Long-tail Keyword อาจเป็นคำว่า “รองเท้าผ้าใบสีขาวเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ” ซึ่งมีความเจาะจงมากกว่า

ข้อดีของการทำ Long-tail Keyword คือ คำเหล่านี้จะตอบโจทย์การค้นหาทำให้เกิดโอกาสการซื้อขายที่มากกว่าคำแบบกว้างทั่วไป ทำให้เกิด Action (CTA) ที่สูงกว่า เพราะตรงกับเจตนาของผู้ใช้งานที่ค้นหาที่ต้องการซื้อสินค้า ข้อเสีย คือ การค้นหาก็จะน้อยกว่าคีย์เวิร์ดทั่วไป

26. Internal Link

Internal Link คือ ลิงก์ภายในเว็บไซต์ของเรา เพื่อส่งผู้ใช้งานไปยังบทความหรือหน้าอื่นของเว็บไซต์ และช่วยให้ google เข้าใจเนื้อหาในหน้าเว็บเพจนั้นๆ ของเรา เช่น ดาวน์โหลดอีบุ๊ค ข้อความนี้ผมจะส่งให้เพื่อนๆ คลิก เพื่อไปลงทะเบียนดาวน์โหลด e-book ครับ หรือหน้าบทความที่เกี่ยวข้องกัน

27. External Link

External Link คือ ลิงก์ภายนอกที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา มีหลายรูปแบบด้วยกันครับ

  • In-content Links
  • Navigation Links
  • Footer Links
  • Redirect Links
  • Canonical Links

28. Outbound Links

Outbound Link คือลิงก์จากเว็บไซต์ของเราที่เชื่อมไปเว็บข้างนอกค่ะ ทั้งแบบลิงก์ข้อความหรือลิงก์รูปภาพก็ตาม

29. Referring Domain

Referring Domain คือเว็บไซต์ที่ลิงก์มายังเว็บที่กำลังถูกพูดถึง เช่น Referring Domain ของเว็บเรา ก็คือเว็บไซต์ข้างนอกที่ลิงก์มาเว็บเรา

30. Slug

Slug เป็นส่วนหนึ่งของ URLs เพื่อระบุหน้าของเว็บไซต์ ปกติก็จะอยู่หลังชื่อเว็บ เป็นเหมือนรหัสประจำตัวของแต่ละหน้าบนเว็บไซต์ของเรา อย่างเช่นหน้าเว็บที่ทุกคนกำลังอ่านอยู่นี้ มี URL เต็มๆ คือ https://seomasterth.com/seo-glossary/ และส่วนของ seo-glossary ก็คือ Slug ครับ

31. Tropical Content

Tropical Content คือ เนื้อหาที่เน้นความรวดเร็ว ตามกระแส ผลิตได้ง่ายและมีคนเข้าถึงได้จำนวนมาก เช่น โฆณาวีดีโอไวรัล ข่าวเหตุการณ์ประจำวัน ข้อเสียของ Tropical Content คือ มาไวไปไว พอหมดกระแสคนก็เลิกสนใจ จึง ไม่ได้ช่วยสนับสนุน SEO เท่าใดนัก

32. Evergreen Content

Evergreen Content หรือเรียกว่า “เนื้อหาที่สดอยู่เสมอ” มักจะเป็นเนื้อหาที่เป็นข้อมูลที่มีความจำเป็นกับทุกคน และให้ประโยชน์ได้ตลอดไป แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เช่น “วิธีการทำใบขับขี่รถยนต์” และสามารถนำไปใช้ในเชิงธุรกิจแบบ B2B, B2C ได้ด้วย

33. Organic Traffic

Organic Traffic คือ ผู้ใช้งานที่เข้ามายังเว็บไซต์ โดยการติดอันดับจากการทำ SEO และไม่ต้องจ่ายเงินค่าโฆษณา Organic Traffic ก็คือการที่มีผู้ใช้งานคลิกลิงก์เข้าเว็บไซต์ของเรา จากการแสดงผลที่ติดอันดับอยู่บน Search Engine นั่นเอง ถ้าคุณเป็นคนชอบอะไรฟรีๆ ผมว่าก็ต้องทำ SEO นี่แหละคือของฟรีและดีต่อธุรกิจคุณ

34. Search Volume

Search Volume คือ ตัวนับจำนวนการค้นหาคำหลัก หรือคีย์เวิร์ดที่เราสนใจว่ามีการค้นหาเป็นจำนวนเท่าไร โดยตัวแปรของจำนวนการค้นหาขึ้นอยู่กับความนิยม คะแนนความยาก หรือประเภทของคำค้นหา นำมาสู่ Organic Traffic และ Organic Reach

เวลาเราค้นหาอะไรใน Google แล้วบางทีมันมีกล่องข้อความขึ้นมาอธิบายเลย แบบที่เราไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไปถึงจะเห็น แบบนี้เราเรียกว่า Rich Snippet หรือ Featured snippets

คะแนนของชื่อเว็บไซต์ (Domain) ซึ่งได้มาจากการที่เว็บไซต์อื่น ๆ ลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ของเรา หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ Backlink นั่นเอง โดยการวัดค่าระดับคะแนนจะให้จาก 0-100 ยิ่งเว็บไซต์ได้คะแนนสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือมากเท่านั้น

SEM ย่อมาจากคำว่า Search Engine Marketing คือ รูปแบบการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตอย่าง Search Advertising เป็นการทำให้หน้าเว็บของเราขึ้นมาบนหน้าแรก อ่านเพิ่มเติม SEM

38. Content:

เป็นส่วนที่มีประโยชน์ที่สุดแก่ผู้ค้นหา search engine พยายามที่จะจับคู่คำที่คนค้นหาให้เหมาะกับคอนเทนต์มากที่สุด ยิ่งมีเนื้อหาครอบคลุมมากเท่าไหร่ จะยิ่งส่งผลมากเท่านั้น

39. Webmaster tools

เป็นเครื่องมือที่เปรียบเสมือนตาของ google ทำให้รู้ว่าเห็นเวปไซต์เป็นแบบใด ช่วยให้รู้ว่ากี่หน้าแล้วที่ได้รับการจัดอันดับ มีลิงค์เท่าใด และคำหลักที่สำคัญ

40. Google Analytic

เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ และเก็บข้อมูลสถิติของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้วิเคราะห์ และวางกลยุทธ์ในการทำการตลาด

 

สรุป

คำศัพท์ SEO ที่แนะนำทั้งหมดเป็นเพียงคำศัพท์เบื้องต้นสำหรับการทำ SEO เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ายังมีศัพท์เฉพาะทางอีกหลายคำถ้าหากต้องการศึกษากันเพิ่มเติม แต่หากต้องการเพื่อประดับความรู้หรือใช้ในการจ้างวานผู้เชี่ยวชาญมาทำ SEO ให้แล้ว ถือเป็นคำที่ใช้บ่อยและได้ยินกันบ่อยครั้ง ซึ่งหากรู้ไว้ก่อนอย่างน้อยก็จะทำให้เราสามารถเข้าใจคร่าวๆ ได้ว่าสิ่งที่เขากำลังเสนอมานั้นคืออะไร เพื่อประกอบการตัดสินใจหากต้องมีตัวเลือกต่างๆ ในการทำ SEO ด้วย